หน้าแรก

สุดยอดของขลัง พลังจักรวาล ศาสนาพาณิชย์

เครื่องรางรุ่นใหม่ล้าสุด อภิมหาอมตะอโชคขลาภ

ข้อคิดสำหรับ การแสวงหาความช่วยเหลือจากไสยศาสตร์

ของขลังรุ่นใหม่  รุ่น "ซวยซ้ำซาก"

สำนักสถาบันไสยศาสตร์อุปภัมป์  ขอเชิญร่วมบุญสร้างศาลากลางเวหาอวกาศ

โดยการสร้างของขลัง องค์ดำทมิฬ  มหาทุกขจาย  เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาพิเศษ

วัตถุอมงคลนี้  สร้าง
จากโรงงาน มีส่วนผสมพิเศษ เพื่อการศาสนพาณิชย์โดยเฉพาะ  ใช้ขึ้เหล็กน้ำพี้ จากบ่อวิเศษทั่วประเทศ 7 บ่อ   เศษผงตะไบจากกระบี่วิเศษ   เศษสารสังเคราะห์ ผงสารจากปีกเครื่องบินยานอวกาศ   ผงฝุ่นจากดวงจันทร์  นอกจากนี้ยังมีว่านกันกระสุน ว่านเสน่ห์  ว่านนางกวักดำ ว่านอสรพิษ ดินจาก
7 ป่าช้า ทองแดง ตะกั่ว ดีบุก  สังกะสี ทองเหลือง มัคคลีผล และเศษผงเถ้าของซากกระดูก ไดโนเสาร์  และเกจิดังสมัยโบราณ ยุค 3 พันปีก่อน

 ผ่านพิธีการปลุกเสกแบบโบราณ  ตามตำราไสยศาสตร์ จากลัทธินอกวงการ  โดยฤาษีชีเปลือยนอกรีต รับซองมานั่งทำพิธีกรรมเสกของจำนวน
108 ตน จากประเทศปาฏิลาสถาน  ได้รับอวยโชคจากเกจิชื่อดัง จอมขมังเวทย์ทางไสยศาสตร์  มี 8 เหล่าซือจากวัดเส้าหลินจื้อ จากชนเผ่าแดนมังกรดำมานักปรก (นั่งถ่ายทอดพลังจิต) ภาวนาเพ่งกระแสเสกของ 7 วันเจ็ดคืน   


ของวัตถุนี้มีอิทธิฤทธิ์สามารถ  ทำให้แคล้วคราด  เมตตา  มหานิยม  เสริมบารมี  สร้างความสำเร็จ  ขจัดภัยพาล หมู่มารศัตรูพ่าย  ฟันแทงถ้าเข้าแล้วตายลูกเดียว โดนระเบิด ไม่รับประกันความเหนียว  เหมาะสำหรับคนทุกวันเกิด ทุกกรุ๊ปเลือด   หากผู้ใดเอาไปเก็บไว้ต้องบูชาด้วยกล้วย และน้ำแดง  (เลือดหมูยิ่งดี) ใช้ธูปหอม 1 ดอก จุดเพื่อปลุกวิญญาณ พร้อมบุหรี่  หมากพลู  ผลไม้สีแดงและ ของดำ 8 อย่าง

  
ทุกวันเพ็ญสิบห้าค่ำ ให้สังเวยด้วยเหล้าขาว  และเครื่องบูชา
จะทำให้ผีของมีฤทธิ์มากขึ้น  หากไม่ทำตามกำหนด  วิญญาณเบื้องหลังอาจจะโกรธ อาจทำร้ายให้เจ็บปวด เรื้อรัง รักษายาก อาจถึงตายได้

ของนี้มีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ  ท่านสามารถ ร่วมส่งบุญ ตามกำลังศรัทธา  ตามกำลังทรัพย์ เพื่อ สมทบทุนสร้าง ศาลากลางเวหาในอวกาศ    เพื่อสะสมบุญสำหรับหลังความตาย  สบายแน่ถ้ามีชาติหน้า  เป็นบ้านพักตากอากาศ สำหรับวิญญาณเร่ร่อน  ผู้หลงไหลนิยมเก็บสะสมวัตถุไสยศาสตร์  คุณไสย มนต์ดำ เช่าวันนี้มีสิทธิได้รับของแถบ  เช่าสิบอัน แถบสองอันฟรี    ยังไม่หมด นอกจากนี้ยังมีแถบ วิญญาณแอบแฝง  เช่น  โลภ  ลามก  จิตตก สับสน  นอนไม่หลับ ตื่นผวา  ภูมิแพ้  ภูมิต้านทานต่ำ  หมกมุ่น  คลั่งไคล้  เจ็บปวดใจ  เครียดแค้น   อาจเข้าสิงคนครอบครองได้ด้วยหากไม่ได้บูชาตามกำหนด

มีสามรุ่นให้เช่า คือ

รุ่นเนื้อทองคำ ราคาเช่า
290,999,999 กีบ (9,999,999บาท)   สำหรับพวกเศรษฐีที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ ที่อยากสร้างสมบารมี  สะสมของขลัง พลังจิต  มีไว้เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ  ประดับบารมี สมฐานะ  รุ่นนี้มีข้อเสียอย่างเดียว คือ 
ระวังอย่าทำหาย  หรือลืมวางไว้ใกล้มือคน   ถ้าวางไว้ของนี้ห่างตัว ไม่ระวังอาจอันตรธานหายไปได้ง่ายๆ  เพราะของสามารถหายตัวได้

รุ่นเนื้อเงิน  ราคาเช่า  2,999,999 กีบ (9,999 บาท) เหมาะสำหรับคนรายได้ระดับกลาง ถึงต่ำแต่อยากมีของขลังพลังจิตไว้เป็นที่พึ่ง  เวลาเช่าให้ดูให้ดีว่า หากเป็นของแท้ ต้องมีสติเกอร์ และหมายเลขรุ่น ชัดเจน รุ่นลิมิตเตด    


รุ่นเนื้อพลาสติกหล่อ ผสมเรซิ่น 29,999 กีบ (120 บาท) เหมาะสำหรับคนที่มีรายได้ต่ำ  เบี้ยน้อยหอยน้อย  เอาไว้บูชา เพื่อความขลัง เพื่อเป็นกำลังใจทำงานเลี้ยงตัว  แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะเป็นของราคาถูก  ถ้าอยากได้ของขลังกว่า ต้องจ่ายแพงกว่านี้

 
(คุณภาพความศักดิ์สิทธิ ตามราคาวัสดุและส่วนผสม )


พิเศษ สำหรับท่านที่่มีทุนทรัพย์ไม่เพียงพอในการเช่ารุ่นใหญ่  สำนักไสยศาสตร์ยังได้ทำรุ่นเหรียญห้อยคออีกจำนวนหนึ่ง  ให้เช่าในราคาเหรียญละ 22,259 กีบ ( 89 บาท )  ทำจำกัดเพียง 1,000,000 เหรียญเท่านั้น  รีบจองด่วนก่อนหมด

หมายเหตุเพิ่มเติม

ขณะที่ทำพิธีกรรมปลุกเสก ปลงสังเวช  เกิดมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดอาเภท  มีพระอาทิตย์ทรงกรด  เหนือปะรำพิธี  มีอัศนีสายฟ้าฟาด กลางแจ้ง ทั้งๆ ที่ไม่มีเค้าฝน  หรือมีเหตุว่าจะมีฝนตก  ฤาษีชีเปลือยที่นั่งปลุกเสกมีรัศมีแผ่ออกมาจากศรีษะในวันที่เจ็ดทั้ง 8 ตน   ของขลังกลายเป็นสีดำ  มีเกล็ดทองร่วงจากเพดานพิธีกรรม   มีไข่มังกรเกิดขึ้นในขันพิธี

หากสนใจของขลัง  เครื่องรางมหาภัยนี้  ขอเชิญท่านติดต่อสั่งจองได้จาก  สำนักงานศาสนพาณิชย์  สถาบันไสยศาสตร์   เพื่อการส่งเสริมวัตถุมหาเวทย์ ไสยศาสตร์ ของขลังพลังจิต  เพื่อให้กำลังใจคนไร้ที่พึ่ง ที่มีเงินมีทรัพย์  แต่ยังไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิตที่ยังต้องพึ่งพาไสยศาสตร์  ผู้นิยมคุณไสย  ของขลัง เครื่องป้องกันภัยทางจิต   ได้ที่

สำนักสถาบันไสยศาสตร์อุปภัมป์   เลขที่  999 หมู่ 9  ซอย  9  ตำบล  เก้าสิบเก้า   อำเภอ  ร้อยแปดพันเก้า  จังหวัด  ไสยศาสตร์บุรี  โทร
: 09, 8881, 9999

คาถาปลุกของ : มีกูมึงมีแต่ทุกข์  ปลุกไม่ตื่น ฟื้นไม่มี  เงินทองหนีไป  สุขภาพหนีไป  เดินทางไกล เจออุบัติเหตุ  เภทภัยตามทัน  กินของผิดสำแดงของมึงขึ้น  จิตผวา  นอนไม่หลับ หนักหลัง หนักไหล่  ฝันร้าย อยากตาย  สับสน  เบื่อชีวิต ใครช่วยไม่ได้   ตายลูกเดียว

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

ข่าวเกี่ยวกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย 

TAG: ของขลัง + การลงอาคม +การปล่อยของ +  การแก้กรรม +ปลดทุกข์ + พระเครื่องรุ่นไหม + จักรพรรดิ์ + รุ่นเส้าไห้ + พ่อโต +พ่อเงิน+  กุมารทอง +ไสยศาสตร์ + เสกของ + คาถาปล่อยของ+  แก้ปล่อยของ + การตัดกรรม+ ต่ออายุ + ศาสนาพานิชย์ +ศาสนาพาณิชย์+ วิธีการปลุกเสก+


ความเป็นมาของคำว่า ไสยศาสตร์

ตอนที่ หนึ่ง พฤติกรรมและความเชื่อดั่งเดิมของคนในแถบตะวันออกที่ไม่ได้รู้จักพระเยซูเจ้า

นี่คือความเข้าใจของคนไทยเกี่ยวกับไสยศาสตร์

การล่วงรู้ความลับของจักรวาล และความเป็นไปในโลกอย่างถ่องแท้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกล้วนแต่ถูกปรุงแต่งแปลงสภาพมาจาก ระบบธาตุในโลก กับ คลื่นพลังแสงดาวในจักรวาลคลุกเคล้าเข้ากับอากาศธาตุ ด้วยเหตุนี้มวลชีวิตและวัตถุทั้งหลายในโลก จึงถูกบังคับให้ดำเนินไปตามอำนาจของดวงดาวในจักรวาล อันเป็นรากฐานของวิชา “โลกธาตุ” หรือ “โลกศาสตร์” ซึ่งแต่เดิมเรียกกันว่า “ศิวศาสตร์” หรือ “ไศวศาสตร์” แปลว่าวิทยาการแห่งโลกแต่คำอินเดียอาจไม่ถูกปากถูกใจคนไทย จึงแปลงถ้อยคำให้สอดคล้องกับรสนิยมของตนเองว่า “ไสยศาสตร์”

ข้อเท็จจริงจากหนัง คนไล่ผี - The Rite


The Rite: คนไล่ผี

ที่จริงผมไม่ใช่นักดูหนังและไม่ใช่นักวิจารณ์ภาพยนต์  ปีๆ หนึ่งผมอาจจะดูไม่กี่เรื่อง คิดว่าไม่ถึงสิบเรื่อง หรือบางทีอาจจะเป็นแค่สักสองสามเรื่องต่อหนึ่งปี แต่ว่าคราวนี้ ผมมีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง "คนไล่ผี" (The Rite)  เพราะเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นชาวพุทธแนะนำให้ดูเพราะเขาบอกว่า “นายต้องดูนะ เพราะว่ามันเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ของนาย และนายชอบไล่ผี” มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขับผี

ก่อนที่ผมจะวิจารณ์เรื่องคนไล่ผี ผมก็ขอเล่าเรื่องย่อๆ ของภาพยนต์เรื่องนี้สักนิดหนึ่งเพื่อเป็นการเพิ่มความเข้าใจ ในการเข้าใจการอภิปรายของผมเกี่ยวกับแนวคิดของภาพยนต์เรื่องนี้

คนหายโรคเขายืนยันฝากมา A witness of healing


*คำพยานที่ผู้ได้รับการปลดปล่อยส่งมาให้

คำพยาน_เพิ่งได้ฤกษ์ส่งต้นฉบับ

ข้าพเจ้า เป็นคนหนึ่งที่ผ่านไปมาบนโลกอินเตอร์เน็ต และแล้ววันหนึ่งก็มาพบปะกับเว็บไซต์ที่มีนามบ่งบอกตัวเองอย่างชัดเจน ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ติดตามอ่านได้นานสักระยะ บวกกับอีกหลายบทความที่เหมือนเสียดแทงเข้ากระดูกดำเพราะมันตรงกับความเป็น จริงที่ตัวเองประสบอยู่

การเดินทางเพื่อพบทีมงานที่เชียงรายเป็นสิ่งที่น่าประหวั่นอยู่ในใจไม่ใช่น้อย แต่ส่วนหนึ่งของใจก็เหมือนมีความกล้าเต็มล้นออกมา พอเดินทางมาถึงสถานที่ปลดปล่อยที่เชียงราย ทีมงานให้เราเริ่มต้นกันที่บทเรียนสำหรับการรู้จักเรื่องราวบางส่วนของทาสและการปลด ปล่อยทาส เป็นบทเรียนปูพื้นฐานเบื้องต้นให้เรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุและเบื้องลึกของความบาปในชีวิตมนุษย์ เป็นบทเรียนสั้นๆ ที่ใช้เวลาไม่นานนัก แต่ว่าหากว่ามีผลกระทบและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมากมาย

คำพยานของคุณแจง A testimony of Ms Jang

คำพยานของคุณแจง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังมีตัวตน คนที่เคยผ่านมอรสุมชีวิตมาอย่างโชกโชน
เคยถูกกระทำ เคยถูกละเมิด เคยเป็นเจ้าแม่ เคยเป็นคนทรง เคยเป็นสารพัดในเรื่องที่ผิดทางศีลธรรม และกฏหมายบ้านเมือง เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด  ชีวิตของเธอเคยตกต่ำจนถึงขีดสุด

เมื่อเธอมาเจอพระเยซู เธอเป็นอย่างไร ชีวิตของเธอได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ลองติดตาม ชีวิตของเธอ

จากบทสัมภาษณ์นี้ (ออดิโอ Audio from Youtube.com) ทั้งหมดที่ ห้า ตอนติดๆ กัน



เมื่อเธอได้พบกับพระเยซูเจ้าแล้วเธอ อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยสิ่งเหล่านี้ เธอกล้าให้สัมภาษณ์เมื่อมีคนถามถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นพยานบอกเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้า เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเป็นแบบอย่างแก่คนที่หลงเข้าไปสู่วงจรแห่งความชั่วร้าย  เธออยากจะบอกว่า "พระเยซูเจ้ามีจริง พระเยซูสามารถช่วยท่านได้"
...........................................................................
โปรดติดตาม ออดิโอบทสัมภาษณ์กับคุณแจงอีกครั้ง หลังจากที่เธอได้รับการปลดปล่อย ด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งคำอธิษฐานในพระนามพระเยซู 

เมื่อคราวที่คุณแจงได้รับทราบข่าวว่าทีมปลดปล่อยของเรา ได้ช่วยเหลือคนป่วย ด้านร่างกายและอารมณ์มาแล้วหลายรายด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซูเจ้า  เธอลงทุนนั่งรถสิบสองชั่วโมงเพื่อมารับคำสอนและรับการปลดปล่อยจากทีมของเรา ในการมารับการปลดปล่อยในครั้งนี้ (พ.ค.2011)  ทำให้เธอได้รับการปลดปล่อยจากโรคบางอย่างที่เธอพยายามไปรับการปลดปล่อยจากอาการป่วย และอาการถูกของจากหลายๆ สำนัก หลายครั้งหลายหน จากหลายๆ อาจารย์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ  แต่ที่ผ่านไปเธอยังไม่สามารถหลุดพ้นจากปมอันลึกล้ำที่เธอได้รับมาตลอดชีวิตได้

เมื่อเธอมาถ่อมใจ ยอมรับความอ่อนแอของตนเองที่ยังหลุดไม่หมด เธอมาหาเราเธอได้รับอะไร  พบกับการเปลี่ยนแปลงอะไร

เร็วๆ นี้ โปรดติดตาม

หากท่านกำลังเผชิญปัญหาบางอย่างหรือต้องการคำปรึกษา อยากติดต่อคุณแจง กรุณาโทร
08 7803 1620

การปลดปล่อยคืออะไร:What is deliverance?

Deliverance from worldly, demonic, emotional, physical, spiritual influences of unclean spirits.

พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า

พระธรรมลูกา บทที่ 4 ข้อ 18-19

หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า การปลดปล่อย ความหมายตรงตัวก็ต้องแปลว่าปล่อยออกอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เข้าใจให้ตรงกันในเรื่องเกี่ยวกับการปลดปล่อยที่ผมพูดถึงในเว็บนี้ ผมขอให้นิยามคำศัพท์ดังนี้

การปลดปล่อยแปลว่า การทำให้หลุดจากพันธนาการ การทำให้พ้นจากการผูกมัด การช่วยให้พ้นจากการเป็นทาส การช่วยให้หลุดพ้นจากเครื่องจองจำ ความสามารถในการละเลิกจากบาปบางอย่าง อารมณ์ร้ายบางอย่างอย่างสิ้นเชิง การหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานจากอาการหวาดกลัว หวาดผวา หรือสิ่งใดที่ขัดขวางไม่ให้ชีวิตมีสันติสุขในการดำเนินชีวิต การได้รับเสรีภาพจากความทุกข์ทรมานจากอดีต หรือคำแช่งสาป โรคร้ายที่คุกคามที่เกิดจากการคุกคามของอำนาจลึกลับ ที่แพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ถ้าหากจะพูดให้เป็นภาษาที่คนไทยเข้าใจง่ายๆ อาจจะใช้คำว่า สะเดาะห์เคราะห์ การแก้กรรม เอาของออก ตักเวรตัดกรรม ไล่ผี ขับเสนียด หรือ การต่ออายุ อะไรประมาณนั้น แต่ถ้าผมใช้คำเหล่านี้

คำพยาน: เมื่อป้ามาศได้รับการปลดปล่อย

ภาพเหตุการณ์ขณะป้ามาศรับการอธิษฐานปลดปล่อย

คำพยานของผู้ได้รับการปลดปล่อย

ดิฉันชื่อ ป้ามาศค่ะ อายุ 56 ปี เชื่อพระเยซูมา 6 ปี สาเหตุที่ฉันเข้ามาเชื่อเพราะอาการปวดเข่า ก่อนนั้นฉันคิดว่าอาการป่วยเป็นเรื่องของเวรกรรม ดิฉันพยายามหาวิธีรักษามาสารพัดวิธีแล้วแต่ก็ไม่หาย จึงตัดสินใจมาเชื่อพระเยซู ดิฉันคาดหวังว่าคงจะได้พ้นจากสภาพเวรกรรมที่เผชิญอยู่ ดิฉันมีปัญหาเรื่องเข่ามาตั้งแต่อายุประมาณ 17 ปี อาการปวดนี้ทรมานฉันมานานเหลือเกิน ในคราวที่ฉันเข้ามารับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ได้ 7 วัน อาการปวดหายไปอย่างอัศจรรย์ ดิฉันสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่ที่เข่ายังมีความเจ็บถ้าต้องเดินมาก หรือขึ้นลงบันได ดิฉันคาดหวังที่จะหายโดยสิ้นเชิง ดิฉันได้รับการวางมือรักษามาโดยตลอดแต่ก็ยังเหมือนเดิม

ดิฉันมาพบท่านอาจารย์ไรท์โดยบังเอิญผ่านเฟสบุ๊ค ซึ่งน่าจะเป็นการทรงนำ คือพิมพ์หาเพื่อน พิมพ์ไปพิมพ์มาเจอ การปลดปล่อยและหายโรค ดิฉันรีบแอดขอเป็นเพื่อนทันที เพราะคิดว่าดิฉันได้พบเจอสิ่งที่ต้องการมานานแล้ว

ความหนอมแหนมที่อาจเป็นจุดอ่อน The Weakest Link that interferes life



ภัยใกล้ตัวที่ดูเหมือนไม่อันตราย แต่อาจนำมาสู่ความตกต่ำด้านจิตวิญญาณ

ตอนที่ 1 ทำไมเราจำเป็นต้องรู้จักพระเยซูคริสต์

ผมเกิดมาก็ได้เข้าสู่ศาสนาคริสต์ เพราะพ่อแม่ผมเป็นคริสต์ ก่อนที่ครอบครัวของผมจะมาเป็นคริสต์ พวกเขาเคยอยู่ในศาสนาที่นับถือผี ปู่ของผมเป็นจอมขมังเวทย์ แม่เล่าให้ฟังว่า แม้ปู่จะไม่เคยรู้จักพระนามพระเยซู แต่ปู่ก็สามารถทำหน้าที่ของจอมขมังเวทย์ได้ดีทีเดียว คือช่วยเป่า เสก ให้คนหายป่วยหายใข้ และบางครั้งก็ทำหน้าที่ไล่ผีปอบ ที่ชาวเหนือเขาเรียกว่า ผีกะได้ (ผีหิวโหย -เกิดจากการที่ผู้เลี้ยงผี เลี้ยงไม่ดีทำให้ผีหิวโหยแล้วมันไปรบกวนชาวบ้าน) ผีกะมีหลายประเภท ถ้าเป็นตัวใหญ่ๆ มีฤทธิ์มากไล่ไม่ค่อยออกเขาเรียกว่า ผีกะยักษ์ แต่เมื่อปู่แก่ตัวขึ้น ท่านก็พบว่าเวทย์มนต์คาถาที่ท่านใช้อยู่ต้องได้รับพลังจากวิญญาณครูอีกที หนึ่ง วิญญาณนี้คอยรบกวน และเรียกร้องเอาจากท่านไม่หยุดไม่หย่อน

นอกจากนี้ในการเป็นจอมขมังเวทย์ เล่นของเล่นไสยศาสตร์ต้อง มีข้อห้ามหลายอย่างไม่ให้ไปทำอะไรที่ผิดครู หากทำผิดก็จะถูกวิญญาณเข้าสิง ต้องใช้น้ำขมิ้นส้มปอย ใส่ขันน้ำไปราดหัวก่อนวิญญาณจึงจะหยุดอาระวาด

เมื่อลุงมีรับเชื่อ How to win a soul to heavens

  ลุงมี สุทธศิลป์ เกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัดพะเยา
เกษตรกรดีเด่นรางวัลรองชนะเลิศ การเลี้ยงโคเนื้อระดับประเทศ
ได้รับเชื่อแล้วเมื่อ 23 เมษายน ค.ศ. 2011

คริสเตียนหลายคนคงกระวนกระวายใจมาก เมื่อได้ยินผู้นำพูดในตอนเริ่มต้นปีใหม่ของทุกๆ ปี ผู้นำใน คริสตจักร หรือศิษยาภิบาลจะบอกตอนต้นปีเสมอว่า...

"ปีใหม่นี้ให้พวกเราออกไปประกาศนำคนมารอดในพระเจ้า อย่างน้อย 1 คน นำหนึ่งคนในเวลา 1 ปี ให้ได้"

แต่เมื่อเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า พวกคริสเตียนที่ไปโบสถ์ทุกๆ วันอาทิตย์ยังไม่สามารถ นำใครมารอดได้สักที บางคนก็นำมาบ้างแต่มันนานมากแล้ว ไม่ค่อยเกิดผล เป็นเพราะอะไรเราจึงเกิดผลยากนัก บทความนี้อาจให้แนวคิด หรือคำตอบบางอย่างที่ช่วยให้บางคนตระหนักได้ว่า  อะไรที่ช่วยให้เราเกิดผล นำคนมารอดได้ง่ายๆ

<div style="text-align: left;">
<!--more--></div>
<div style="text-align: left;">
</div>

ผมเองเคยเป็นคริสเตียนที่ไม่เคยนำใครมารอดจากบาป หรือหายป่วยหายใข้ในพระนามพระเยซูคริสต์เป็นเวลาเกือบทั้งชีวิต มันนานเท่าๆ กับเวลาที่พวกอิสราเอลเดินในแถบทะเลทรายอาราเบียเลยทีเดียว
ในช่วงเวลาแห่งการไร้ผลที่ผมได้ประสบนั้น  ผมทำหลายอย่างในการที่จะนำใครสักคนให้มารู้จักกับพระเยซูคริสต์  ผมแจกของขวัญวันคริสต์มาสแก่เพื่อนๆ หรือคนที่เราคาดว่าน่าจะรู้จักพระเยซู  ผมชวนเขามาโบสถ์ในวันคริสต์มาส ซื้อของขวัญดีๆ แจกเพื่อนๆ และคนที่เราตั้งใจจะประกาศเรื่องพระเยซูให้ ผมอุตส่าห์สำแดงความรัก ความใจดีแก่พวกเขาเสมอ บางครั้งก็ทำอาหารเลิศรสเลี้ยงเขา 

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนของผมยังไม่มีใครเปิดใจต้อนรับพระเยซูเลยสักคน เพราะตอนนั้นผมยังกินและดื่มเหมือนพวกเขา ผมด่าเจ้านายลับหลังเหมือนพวกเขา เวลาเขาจ้อเรื่องลามกผมก็ยังหัวเราะไปกับเขา ไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติอะไรเลย คิดว่าเป็นเรื่องโจ๊ก บางทีผมยังซื้อหนังสือโจ๊กตลกที่มีเรื่องสองง่าม สามแง่มาอ่านอีกต่างหาก ผมชอบทำอะไรตามใจฉัน  ผมปฏิบัติพระเจ้าตามความคิดเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้รู้สึกว่าต้องที่ดีจากแบบอย่างในพระคัมภีร์ แต่ผมกับทำตามอย่างวัฒนธรรมทางศาสนาที่ผมได้รับอิทธิพลมา

นี่คงเป็นสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ผมพูดเรื่องพระเจ้าแล้วไม่มีใครสนใจ อีกอย่างเพื่อนผมไม่เอาพระเยซูเพราะพวกเขามีพระของเขาอยู่แล้ว  บางคนมีพระเจ้ามากมายจนพวกเขาดูแลไม่ไหว ทั้งผีทั้งพระเจ้า  พวกเขายังมีเครื่องรางและพิธีกรรมมากมายที่ต้องปฏิบัติ พวกเขาจึงเบื่อพระเจ้ามากๆ  ชีวิตของผมเองก็ไม่ได้เปล่งแสงสว่างอะไร ชีวิตผมเป็นเพียงสีเทาๆ ทึบๆ ไม่ขาว ไม่ดำ  พวกเขาคงสังเกตได้ว่า ชีวิตของผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขามากนัก  พวกเขาก็เลยไม่ยอมรับเชื่อพระเยซู  เพราะสีเสื้อของผมกับของเขามันคล้ายๆ กัน

บทความตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะบอกอะไรบ้างอย่างที่ เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผมนำคนมารอด รับสันติสุข และการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างใหญ่หลวงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร  บางครั้งไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ การรับความรอดคือ การเปลี่ยนจากการไหว้รูปเคารพ และวิญญาณอื่น มานับถือพระเยซูคริสต์ ยอมรับว่าพระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริง พระเยซูคือพระเจ้าผู้เป็นอยู่ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์  ไม่สถิตย์อยู่ในรูปปั้น หรือสิ่งใดๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นเพื่อนมัสการหรือกราบไหว้บูชา  เพราะพระองค์คือพระเจ้าแท้ที่ยังช่วยได้ และพระองค์ยังคงทำการอัศจรรย์ผ่านมือ และคำอธิษฐานของผู้เชื่อพระองค์ในทุกวันนี้

เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2011 พี่สาวของภรรยาผมที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เพิ่งกลับมาเยี่ยมคุณแม่ที่ประเทศไทย  พอดีเขามีลูกชายอยู่คนหนึ่งที่ไปแต่งงานกับสาวคนหนึ่งเธอ (ชื่อว่าน้องก้อย)  ที่อยู่ในจังหวัดพะเยา คืออำเภอจุน (บ้านร่องแมดสันติสุข)  พี่สาวแฟนผมได้ชวนผมไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ของน้องก้อย

เมื่อเราไปถึง เราได้พบกับลุงมี สุทธิศิลป์  คุณลุงได้ต้อนรับเราให้ขึ้นไปนั่งบนบ้าน  เมื่อผมได้พบกับลุงมี ผมได้พบว่า ลุงมีเกิดอาการป่วยหลายอย่าง คือ เป็นโรคความดัน โรคเก๊า และมีอาการเท้าบวม  ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้สะดวก  หนักหลัง และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ คือมีอาการป่วยว่างั้นเถอะ

ผมเห็นลุงมีเท้าบวมและมีอาการอย่างนี้จึงถามลุงมีว่า 

"ลุงครับ ป่วยเป็นเก๊า และความดันนี่กินยาอะไรหรือครับ"

ลุงมีตอบว่า
"ซื้อยาแก้โรคเก๊า และความดันมากินชุดละสามพันกว่าบาทที่เขาโฆษณาทางทีวี"
"เป็นยาเอนไซน์ แต่กินไปแล้วสองอาทิตย์รู้สึกว่าเท้าบวมเดินไม่ได้"

ผมจึงท้าทายลุงมีไปว่า
"ลุงครับ, ผมมียาดีนะ ลุงอยากลองหรือเปล่า  ลุงซื้อยามากินแพงหลายพันแต่ไม่หาย กินมาสองอาทิตย์อาการยังไม่ดีขึ้น  ผมอยากให้ลุงลองยานี้นะครับ ไม่ต้องเสียเงิน ผมคิดว่าใช้เวลาไม่มากต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ลุงอยากลองดูไหมครับ แต่ลุงต้องเสียสละบางอย่าง เพื่อแลกกับการมีสุขภาพดีนะ"

ลุงมี เหมือนรูแกวผม แกชิงพูดว่า "พระเยซูหรือเปล่า" ผมเคยได้ยินคนมาแจกใบปลิว แถวๆ หน้าบ้าน แต่ผมไม่เคยลบหลู่ท่านนะ" ถ้าอาจารย์ว่าดีผมก็จะลองดู

ผมจึงบอกกับลุงมีว่า

"ถ้าผมอธิษฐานให้ลุงหาย ขอให้ลุงติดตาม พระเยซูอย่างแท้จริง ด้วยสัจจะ และให้เลิกการกราบไหว้บูชาวิญญาณอื่น เพราะถ้าวิญญาณเหล่านี้มันดีจริง มันคงช่วยให้ลุงหายป่วยได้แล้ว ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้ เพราะลุงมีอายุแค่ห้าสิบแก่ๆ น่าจะมีสุขภาพที่ดีกว่านี้ ถ้ามีพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า"

ทำไมผมต้องขอให้ลุงเลิกกราบไหว้วิญญาณ และรูปเคารพที่ลุงเก็บไว้ในบ้านอย่างมากมาย ก็เพราะว่า รูปเคารพเหล่านี้   แท้จริงมันไม่ได้ช่วยขับไล่วิญญาณใดๆ ออกไปจากบ้านลุงเลย แท้จริงมันคือตัวสื่อสาร  เป็นเหมือนสื่อล่อให้วิญญาณเจ็บป่วยอื่นๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้ลุงป่วยไม่หายสักที"

ผมเล่าต่อ

"ถ้าหากลุงไม่ยอมละทิ้งสิ่งเหล่านี้ การหายโรคของลุงจะมีแค่ชั่วคราวหลังจากที่ผมกลับบ้านไป ลุงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือแย่กว่าเดิม  แต่ถ้าลุงรับเชื่อจริงๆ มีสัจจะ กราบไหว้พระเยซูและเลิกการบาปทั้งปวง และหยุดงานพักผ่อนอาทิตย์ละ 1 วันในวันอาทิตย์ ลุงจะหายดีตลอดไป"

ลุงมี ได้ฟังเงื่อนไขที่ผมนำเสนอ  ลุงมีพิจารณาดูสักครู่  ลุงมีจึงตอบตกลงยอมรับการรักษาในพระนามพระเยซู 

ผมจึงเรียกลูกชายของผมคือ ดุ๊กซึ่งมีของประทานแห่งการสังเกตวิญญาณ และการเผยพระวจนะ
มาช่วยอธิษฐาน  เราได้รับรู้ว่าต้นเหตุแห่งปัญหาการเจ็บป่วยของลุงมี ไม่ใช่เชื้อโรคเป็นสาเหตุหลัก แต่มันเกิดจากสาเหตุอื่น เราต้องอธิษฐานถึงสองรอบ เราจึงได้รับชัยชนะในการปลดปล่อยลุงมี  เราทำการอธิษฐานปลดปล่อยประมาณ 15 นาที เมื่อเราอธิษฐานเสร็จ เราขอให้ลุงมีลองลุกขึ้นยืน และเริ่มเดิน  ลุงมีบอกว่า รู้สึกเบาและเดินสะดวกขึ้น  เราจึงบันทึกภาพ และวีดีโอคลิปไว้ด้วย

หลังจากนี้ลุงมีได้พาพวกเราไปตกปลาที่บ่อปลาในสวนของลุงมี   ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากบ้านอีกประมาณ 5 กิโลเมตร  ลุงมีก็ขึ้นรถยนต์ไปกับเรา เมื่อไปถึงสวนลุงมีเดินเหินไปมาได้สะดวก มีอาการดีขึ้นมาก

วันต่อมาเราได้รับทราบจากคุณก้อยลูกสาวของลุงมีที่โทรศัพท์ติดต่อกัน เธอแจ้งให้เราทราบว่าว่า ลุงมีสามารถขับขี่มอร์เตอร์ไซด์ได้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ลุงมีขี่รถไม่ได้มาหลายวันแล้ว  เราขอบพระคุณพระเยซูเจ้า  โดยนามของพระองค์เราอธิษฐานอวยพร ลุงมีก็หายดี

น่าเสียดายที่หมู่บ้านที่ลุงมีอยู่ หรือในบริเวณใกล้เคียง ไม่มีโบสถ์คริสเตียนใดๆ ตั้งอยู่เลย  เราจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ โบสถ์คริสต์ที่มีอยู่ทั่วไป หลายแห่งก็ไม่รู้จักฤทธิ์เดชของพระเจ้า บางแห่งรู้จักแต่ทำไม่เป็น และบางแห่งก็ไม่เชื่อในเรื่องฤทธิ์อำนาจในการวางมือรักษาคนป่วยอีกด้วย  เป็นเรื่องที่คริสเตียนที่เติบโตแล้วต้องช่วยกันกระจายข่าวนี้บอกไปให้ทั่วว่า ผู้เชื่อในพระนามพระเยซูที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว สามารถอธิษฐานวางมือคนให้หายจากโรคภัย ความป่วยใข้ และสามารถขับวิญญาณอื่นทุกชนิดได้  ไม่ว่าจะอยู่ระดับบิ๊ก ระดมเทพ ระดับพรหมอะไรก็ตาม เมื่อมันเจอคำอธิษฐานของทีมของเรา ต้องจอดทุกวิญญาณ

ข้อพระธรรมหนุนใจ

"ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค” 
พระธรรมมาระโก 16.16-18

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ท่านอิ่มใจด้วยสันติสุข และหายดีในพระนามพระเยซู

กลับไปหน้าแรกของเว็บ HOME

ความหนอมแหนมของชาวคริสต์ที่อาจเป็นจุดอ่อน(2)The Weakest Link of Some Christians


ตอนที่ 2 จุดอ่อนที่ทำให้เกิดปัญหาชีวิตและการถดถอยทางวิญญาณ

ผมจึงเริ่มสนใจกับกับบทเรียนเกี่ยวกับการปลดปล่อยอันล้ำค่านี้
ผมได้พบว่าความรู้ และสามารถเข้าถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในเรื่องการหายโรคนี้เป็นประโยชน์มากต่อมวลมนุษย์ ไม่ เพียงเป็นประโยชน์สำหรับชีวิตของผมคนเดียวแต่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อ เพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะเชื่อพระเยซู หรือไม่เชื่อพระเยซู ก็อาจได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในศาสนาคริสต์ ผู้นับถือศาสนาจำนวนมากไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่สามารถเข้าถึง เพราะหลายคนเชื่อพระเจ้าเพียงแต่เปลือกนอก ยังไม่ได้เข้าไปถึงแก่นของข่าวประเสริฐเรื่องความรอดบาปที่พระเยซูนำมา ประกาศเมื่อสองพันปีก่อนมาแล้ว
<div style="text-align: left;">
<!--more--></div>
<div style="text-align: left;">
</div>

นั่นคือ การปลดปล่อยจากความเจ็บป่วย ความบาดเจ็บทางอารมณ์ อาการทางจิตหลายอย่างที่แพทย์แผนปัจจุบันและไสยศาสตร์ไม่สามารถรักษาได้ ความ รู้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีเขียนไว้อย่างมากมายในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แต่ ผมไม่เคยเห็นอาจารย์ในเมืองไทยคนไหนเอามาสอน หรือเอามาใช้มากนักในช่วงห้าหกปีก่อน(ตอนนี้ ค.ศ.2011) เมื่อผมเริ่มสนใจจึงได้เรียนรู้กับอาจารย์ในการออกปฏิบัติการ คือเรียกได้ว่า Learning bydoing คือเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ

ผมได้เดินทางไปต่างประเทศ ผมได้รับหนังสือมาหลายเล่มที่ไม่ค่อยมีขายในเมืองไทย
ผมเริ่มศึกษา และเริ่มออกปฏิบัติการตามที่อาจารย์ชาวต่างประเทศได้บันทึกไว้ผมได้พบเห็นว่า แท้จริงคนเราไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณบาปวิญญาณอื่นที่มีมากมาย ยิ่งเมื่อผมออกไปปฎิบัติการ ยิ่งอธิษฐานเผื่อผู้คนยิ่งได้รับความเข้าใจมากขึ้น บางครั้งมากจนกระทั้งผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง นอกจากลูกศิษย์ในทีมของเราเท่านั้น เรา จะไม่เล่าอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อความเชื่อแบบวัฒนธรรมตามกลุ่มความเชื่อของ คริสเตียนเพราะมันอาจไม่สอดคล้องกับความรู้ ความเข้าใจทางศาสนศาสตร์ของนักการศาสนาจำนวนไม่น้อยที่เรียนมาจากศาสนศาสตร์ที่เน้นด้าน ฮิวแมนนิสสึม หรือ ด๊อกมาของกลุ่มใครกลุ่มมัน

หรือที่เรียกว่า ศาสนศาสตร์เชิงระบบ และบางอย่างเกี่ยว กับวิญญาณไทยๆ ที่เราได้รับรู้ ไม่ได้มีจดบันทึกชื่อของมันไว้ในตำราของฝรั่งที่นักการศาสนาคนไทยไปร่ำเรียน มาจากเมืองนอก สิ่งนี้อาจไวต่อความรู้สึกของคริสเตียน นักการศาสนาบางคนที่นับถือหลักข้อเชื่อ และกฎเกณฑ์ของกลุ่ม มากกว่านับถือตามพระคำของพระเจ้า หรือไม่สามารถเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่สามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ดังพระคัมภีร์ตอนหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า

"แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่ง เหล่านั้น ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยวิญญาณ"
พระธรรม 1 โครินธ์ 2.14


ทีมปลดปล่อยของเราได้เห็นการทำงานของพระเจ้าตามรูปแบบในหนังสือหนึ่งโครินธ์บทที่ 12 อย่างชัดเจน เรา จึงได้รับความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น พระเจ้าได้เมตตาให้ผมได้ฝึกสอนลูกศิษย์ทีละคนสองคน จนตอนนี้เรามีทีมที่แข็งแกร่ง และมีของประทานตามพระสัญญา ผม เชื่อว่า คนที่ชอบพูดคำว่า "ผมไม่มีของประทาน" เป็นสิ่งที่น่าปรับปรุงมากสำหรับคริสเตียนหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตนเองเป็นผู้โตแล้วในความเชื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะการวางมือรักษาคนป่วย และการบำบัดด้านจิตวิญญาณนี้ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นมีในคริสตจักรของพระองค์อย่างแน่นอน

แต่ผู้เชื่อกลับถูกปิดบังไว้ บ้างไม่กล้าทำ บ้างไม่คิดทำ ไม่รู้วิธี บางคนมีแต่ถูก "ระบอบ" บีบคอไว้ทำไม่ได้ถนัด บ้างก็ไม่มีใครส่งเสริมการใช้ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักร บางแห่งกลัวด้วยซ้ำ
บ้างไม่ได้เกิดเลย เพราะระบอบเก่าเขาใช้คนตามระยะเวลา และเส้นผมบนหัวของคน แทนการให้โอกาสคนได้รับใช้ ตามศักยภาพ และของประทาน

ผมจึงอยากจะแบ่งปันข้อสังเกตและข้อแนะนำบางอย่างที่อาจช่วยให้ใครก็ได้ที่ ได้ ชื่อว่าเป็นชาวคริสต์ผู้ที่อยากจะมีชีวิตที่สุข อย่างแท้จริง แม้ว่าบางคนจะไม่ค่อยเชื่อพระเจ้ามากนัก หรือบางคนเชื่อแค่เป็นศาสนาของพ่อแม่สิ่งเหล่านี้ที่นำเสนอมา หากละเว้นได้ก็ขอให้ละเว้นก็แล้วกัน สิ่งเหล่านี้ ผมขอเรียกมันว่า "พฤติกรรมที่ผู้เชื่อพระเยซูควรหลีกเลี่ยง" ก็แล้วกัน ผู้รู้ที่ศึกษาเรื่องนี้อาจจะคิดว่ามีน้อยเกินไป หรือไม่เพียงพอ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะผมจะนำเสนอพอสังเขปเท่านั้นหากจะเรียนรู้ให้ลึกซึ้งและว่าให้ถึงกึ๋น จริงคงต้องใช้เวลาในการเขียนตำราเป็นเล่มๆ และเนื้อหาก็คงจะยาวจน คนอ่านไม่อยากจะอ่านก็เป็นได้


สิ่งที่น่าสังเกต และทบทวนเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยง คือ

ก. การกราบไหว้ไม้กางเขน ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำ การอธิษฐานขอการคุ้มครองจากไม้กางเขน แขวนไม้กางเขนอันใหญ่ หรืออันเล็กไว้ที่คอ สักรูปไม้กางเขนบนร่างกาย เพื่อเป็นเสมือนเครื่องราง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ความรู้สึกว่า มีพระอยู่ด้วยคอยคุ้มครอง บาง คนอาจเคยสร้างไม้กางเขนอันใหญ่สวยงามเพื่อให้คนเอาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชากราบ ไหว้ ยิ่งต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม และเป็นมหาบาป สมควรหลีกเลี่ยง


ข. ไม่รักษาวันสบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ ทำงาน เรียนพิเศษ หาเงินทำธุรกิจไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ไม่รู้จักพอ ตะลอนๆ หาเงินจนหัวปุหัวฟู บางคนทำเหมือนพวกที่หากินที่พระวิหารสมัยโบราณ ในสมัยพระเยซูคือ เอาของไปขายที่ในโบสถ์เพื่อหารายได้เพิ่ม บาง คนไม่ขายตอนเช้าแต่ขายของตอนบ่ายวันสะบาโต บางคนเกรงกลัว เกรงใจพ่อแม่ ญาติมากกว่าเกรงกลัวพระเจ้า ทำการค้าขายทำไร่ ทำสวนในวันหยุดเป็นประจำ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ทำจะได้ดีเพียงชั่วครูตอนปลายจะพบแต่วิบัติ หรือเป็นบาป นำความป่วยใข้ ไม่เป็นพร แต่ก็ยังทำอยู่เพราะไม่มีใครกล้าบอกตรงๆ กลัวหนีโบสถ์ไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก เด็กบางคนไม่ไปโบสถ์เพราะติดเกมคอมพิวเตอร์ ถ้าไปก็ต้องรีบกลับมาเพื่อจะได้เล่นเกมให้สนุก เพราะความสนุกในการเล่นเกม มันดึงดูดใจมากกว่าการไปนั่งฟังคำเทศนา และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ค. ไม่ชอบอธิษฐานขอการอวยพรในการทำงาน ไม่ขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการทำงาน คิดว่ากำลัง เรี่ยวแรง ความรู้ และประสบการณ์ที่ตนเองมีจะสามารถทำให้งานสำเร็จราบรื่น การนับถือเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะคนบางคนให้ความสำคัญกับเวลาทำงานหาเงินมากกว่าการเข้าร่วมสามัคคีธรรม กับพี่น้อง การไปเยี่ยมเยียนหนุนใจ การประกาศข่าวประเสริฐ คนบางคนไม่มีเวลาอ่านพระคัมภีร์ด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาอธิษฐาน ไม่มีเวลาคิดใคร่ครวญพระคัมภีร์ของพระเจ้า เป้าหมายของชีวิตที่สำคัญคือการมุ่งสร้างฐานะ การเรียน ความสำเร็จ และการทำงานเพื่อให้ชีวิตมั่นคง เพื่อให้คนอื่นยอมรับความสามารถ บางครั้งบางคนไม่ต้องการแต่ต้องทำเพราะ พ่อแม่บังคับ ญาติบังคับ สังคมคาดหวัง ต้องทำไปตามระบบ

ผลจาก
ปฏิบัติสิ่ง เหล่านี้นานวันเข้าเราพบว่า ใช้เวลาไม่นานเกินรอ หลายคนล้มเหลวไม่เป็นท่า เจ็บป่วยบ่อย มีโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง บางครอบครัว บางตระกูลต้องมีหมอประจำบ้าน เพราะป่วยทั้งบ้าน บางคนเมื่อชีวิตล้มเหลว เจ็บป่วยด้วยโรครักษายาก จะโทษพระเจ้าว่าทำไมพระเจ้าไม่รักษา พระเจ้าอยู่ไหน ไหนว่าพระเจ้าเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ เริ่มบ่นด่าพระเจ้า การกระทำเช่นนี้จึงเป็นเหมือนทำบาปซ้อนบาป ทำผิดซ้ำซ้อน โหมโทษภัยให้ตัวเอง ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นแค่คิสตาม เวลาสบายจะลืมไปโบสถ์เป็นปีๆ ไม่ได้อยู่ในการปกครองของพระเจ้า แต่บางคนถ่อมใจยอมกลับมาหาพระเจ้า ขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า

ง. เชื่อฟังคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมของพ่อแม่ที่ให้ไปทำงานในสบาโตเป็นประจำ ไม่ให้มาร่วมนมัสการพระเจ้าเกรงกลัวพระเจ้าแต่ก็เกรงกลัวพ่อแม่มากกว่า ไม่ยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดจากความเชื่อในพระเยซู บางคนยอมก้มหัวให้กับวิญญาณบรรพบุรุธ เข้าร่วมพิธีเซ่นสังเวยวิญญาณบรรพบุรุธ
จุดธูปเทียน นำเครื่องสังเวยไปกราบไหว้หลุมฝังศพ หรือกระดูกหรือรูปภาพของบรรพบุรุูธ หรือคนตาย

ที่น่าตระหนกมากๆ คือเราได้รับทราบมาว่า ปัจจุบันนี้ยังมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคิสตาม จำนวนไม่น้อยที่ยังไปกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุธ เอาของไปถวายให้วิญญาณคนตาย ไปพูดหน้าหลุมศพญาติ ในวันที่พวกเขาพากันไปนมัสการในสุสานวันอิสเตอร์ โอ้นี่ช่างเป็นคิสตามที่ห่างเหินการศึกษาอย่างแท้จริง ไม่มีรุ่งอรุณเลย

(มัทธิว 4.10) (มัทธิว 10.37)



จ. กินไม่รู้จักหยุด กินจนร่างกายอ้วนเกินไป
ติดใจในปริมาณและรสชาดอาหาร บาง คนกินจนออกจากประตู้ห้องนอนตัวเองไม่ได้ อย่างที่เป็นข่าวไปคึกโครมอยู่เนืองๆ คริสเตียนที่กินมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการไม่รู้จักบังคับจิตใจของตนเอง เป็นทาสของความอยากอาหาร กินไม่เป็นเวลากินได้เรื่อยๆ บาง คนชอบกินยาลดความอ้วนไม่ถนอมร่างกายตนเอง ไม่บังคับใจตนเอง แต่ใช้ยาเป็นตัวช่วยทั้งที่ต้นเหตุคือความอยากที่ไม่สมดุลกับความต้องการของ ร่างกาย แท้ที่จริงคือ ยาลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือการกินอาหารแต่พอเพียงหรืองดอาหารบางประเภทเป็น เวลาระยะหนึ่งอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

ฉ. เข้าร่วมกิจกรรมการเล่นผีถ้วยแก้ว การจุดธูปเทียนเชิญวิญญาณให้มาเข้าร่างทรง การพูดคุยกับร่างทรงอยากรู้อนาคต และวิธีการแก้ปัญหาของชีวิต พวกเขาจึงอยากไปถามร่างทรงมากกว่าการอธิษฐานและพึ่งพาพระเยซู คน ที่ไปทำสิ่งนี้เขาอาจไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเหมือนการเชิญให้วิญญาณ เข้ามารบกวนชีวิต จิตใจของเขาได้ การจุดธูปต่อสิ่งใดก็ตามแม้เป็นเพียงธูปก้านเดียว ก็พาวิญญาณของเขาให้หลงเจิ่นไปจากพระเป็นเจ้าแล้ว เป็นการบอกต่อวิญญาณอื่นที่ครอบครองเป็นเจ้าโลกนี้ให้มาครอบงำ ให้มาดลใจให้จิตใจยิ่งเหิ่นห่างไปจากทางสว่างของพระเจ้ามากขึ้นไปทุกที

ช. การเข้าร่วมพิธีบวงสรวง เซ่นไหว้ ศาลเจ้า ศาลหลักเมืองการปลุกเสก การสร้างรูปเคารพ สถูปและ อนุเสาวรีย์ต่างๆ เข้าร่วมพิธีกราบไหว้หลุมศพ การแจกทานเพื่อทำบุญให้คนตาย ชาวคริสต์ที่เข้าร่วมอาจคิดว่าเป็นเพียงพิธีกรรมตามวัฒนธรรมธรรมดาไม่มีผลอะไรแต่แท้ที่จริง เป็นการฝ่่าฝืนบัญญัติข้อที่ 1 ในพระบัญญัติสิบประการ

ซ. กินของที่เขาได้สังเวย หรือถวายให้แกรูปเคารพแล้วนึกว่าไม่เป็นไร เพราะเห็นว่าเป็นอาหารอร่อย อาหารพวกนี้ได้แก่เครื่องสังเวยผลไม้ ไข่ เนื้อ และสิ่งใดๆ ที่เขาได้บูชาให้แกวิญญาณ หรือรูปเคารพมาแล้ว ชาวคริสต์ที่รู้ดีจะไม่ทำ( 1 คร.8.4)


ฌ. เข้าร่วมพิธีบายศรี สู่ขวัญ หรือกินอาหารจากต้นบายศรี ที่มีการเชิญอาจารย์มาทำพิธีเรียกขวัญ มีการถวายเหล้าและของเซ่นไหว้แก่ ต้นบายศรี การเข้าร่วมพิธีไหว้ครูช่างการกราบไหว้รูปปั้นรูปเคารพที่นำมาติดตั้งในพิธีกรรมไหว้ครู เช่น ครูดนตรี เครื่องดนตรี ครูนาฎศิลป์ ครูโนราห์ การครอบครู หัวโขน ลงเลข เสกน้ำมนต์ สะเดาะห์เคราะห์ ยกเว้นการแสดงความเคารพต่อผู้สอนที่เป็นคนโดยไม่ได้นำเครื่องสักการะที่คล้ายกับที่ให้แกรูปเคารพมาให้ ชาวคริสต์สามารถทำได้

ญ. ชอบอ่านคอลัมป์ในหนังสือนิตยสาร อินเตอร์เนท สื่อรูปแบบใดๆ หรือหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องเกี่ยวกับดวงชะตาราศรีจักราศรี การดูลายมือ การตั้งชื่อตามไสยเวทย์ การตั้งชื่อของตนเอง หรือลูกหลานเป็นชื่อของรูปเคารพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาอื่น เช่นวิษณุ พรอุมา พรนารายณ์ การฝึกโยคะ การฝึกเพ่งสมาธิ ท่องเวทมนต์ คาถา ยกมือขึ้นรับพรจากนักบวชหรืออาจารย์ที่ทำพิธีกรรมเกี่ยวไสยศาสตร์


ฎ. เข้าร่วมพิธีกรรมในเทศกาลต่างๆ ที่ชาวบ้านจัดขึ้นเช่นพิธีขอฝน
ทำบุญบั้งไฟ การแห่นางแมวแห่พยานาค มังกร รูปเคารพ นางสงกรานต์ ผีตาโขน ลอยกระทง แห่เทียนพรรษา การแห่ตามประเพณีเหล่านี้แท้จริง เบื้องหลังงานเหล่านี้คือการกราบไหว้ฟ้าดิน รูปเคารพ ตำนานทางศาสนาที่ไหว้รูปเคารพ พิธีกรรมเหล่านี้แม้จะมีชื่ออย่างไรก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงออกคล้ายๆ กับที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่บ่งบอกว่า เป็นพิธีกรรมที่พระเจ้าไม่ปลื้ม



ฏ. การก้มหัวให้กับรูปเคารพ รูปเหมือนของคนตาย หรือคนเป็น ผีบรรพบุรุธ หรือภาพใดๆ ที่ใช้เครื่องบวงสร้าง เครื่องสังเวย เครื่องบูชา ถวายทาน เครื่องสักการะการกระทำอย่างนี้อาจขัดแย้งกับคำสอนในพระบัญญัติสิบประการในข้อที่ 1-2 บางครั้งชาวคริสต์หลายโบสถ์ไม่ทันระวัง มีการแจกรูปปฏิทิน รูปของที่ระลึกเป็นรูปพระ รูปเคารพหรืออนุเสาวรีย์ที่มีความหมายทางวิญญาณ บางแห่งบนโต๊ะทำงานของนักการศาสนาก็ยังมีรูปเหล่านี้อยู่พวกเขาไม่ทันระวัง นึกว่าไม่เป็นไร ลองพิจารณาดูในพระธรรมเหล่านี้ คือ พระธรรม 2 คร 6.14-15, อพยพ 20

ฐ. การละทิ้งหรือเพิกเฉยต่อผู้มีพระคุณ พ่อแม่หรือผู้ที่ให้การอบรมสั่งสอน หรือมีคุณต่อเรา ลูกบางคนไม่ไปเยี่ยมพ่อแม่เวลาพ่อแม่่ป่วยใข้ไม่ไปเยี่ยม ไม่ไปหา ไม่มีของฝากอะไร ดีแต่รบกวน ไม่ มีเวลาไปเฝ้าใข้ ใช้เงินจ้างคนอื่นไปเฝ้าแทน อ้างเสียเวลา เสียงานสุขภาพไม่ดี ลูกไม่มีใครดูแล อ้างเหตุผลสารพัน ละเว้นการกระทำที่แสดงความดีตอบแทนต่อผู้มีคุณต่อตน(กาลาเทีย 6.6) บางคนทุบตีพ่อแม่ ไม่ให้เกียรติ ไม่เชื่อฟัง ทำอะไรตามใจที่ผิดธรรม (อพยพ20.12)


ฑ. เก็บความแค้น ความเกลียดไว้ในใจ ชอบนินทาว่าร้าย โลภ จับผิดอิจฉา แก่งแย่งชิงดี ตอแหลเก่ง ขมขื่น นอนไม่หลับ หรือชอบนอนทั้งวัน การงานทำไม่สำเร็จ เกียจคร้าน บางครั้งชอบขโมยของไม่มีใครจับได้ คิดวางแผนชั่ว เหย่อหยิ่งไม่รับฟังคำสอน คำตักเตือน คิดว่าตนเองฉลาด เรียนสูง เก่ง รู้มากกว่า ชอบให้คนอื่นทำตามที่ตนต้องการ ชอบอยู่คนเดียว ชอบปลีกตัวไม่สุงสิงใคร คิดฆ่าตัวตายบ่อยๆ เบื่อโลก (มาระโก 7.21-23)



ฒ. กบฏต่อสิทธิอำนาจ ไม่ยอมต่อเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้ง กบฏต่อเจ้าอธิการหรือนักการศาสนาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างชอบธรรมให้มี หน้าที่ปกครองดูแล แม้ว่าคนเหล่านั้นจะทำบาปทำผิดพลาดก็ตาม (สดุดี 105.5)

ณ. ชอบหมกหมุ่นกับภาพลามก คลิปลามกในมือถือ ในคอมพิวเตอร์ สื่อลามก คิดลามกกับเพศตรงข้าม หรือคนที่ไม่ใช่คู่สมรส มีความต้องการทางเพศสูงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดความหมกหมุ่นทางเพศ จินตนาการทางเพศสูง เคยละเมิดทางเพศกับคนในครอบครัว มีความคิดอยากมีสัมพันธ์ทางเพศกับสัตว์ หรือเคยทำจริง เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน หรือคนในสายเลือดใกล้ชิด ชอบถ้ำมอง เช็กโฟน หรือรูปแบบใดๆ ที่วิปริต ชอบแต่งตัวยั่วยวนทางเพศ ชอบให้คนมองว่าตนเองเซ๊กซี่ หรือมีสัญลักษณ์ทางเพศที่ดึงดูดใจ ชอบหลงตัวเอง

ด. ชอบพูดโกหก ตอแหลทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น ชอบโอ้อวด พูดเกินจริง รู้สึกต้องการการยอมรับอย่างมาก อยากเป็นใหญ่ อยากชนะ อยากกลายเป็นคนสำคัญ อยากเป็นคนที่ใครๆ ก็ว่าเก่ง อยากได้หน้า

ต. มีความสัมพันธ์ที่ค่อยข้างเลวร้ายกับคนในความสัมพันธ์ครอบครัว หรือญาติทางฝ่ายสามีหรือภรรยา มีความเกลียดชัง ขมขื่น ไม่อยากให้เห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ มีความเกลียดชังฝังใจ ไม่มีวันลืม

ถ. ชอบคิดว่าตัวเองโง่ เงอะง่ะ ไม่เหมือนคนอื่น คิดว่าตนเองไม่เจริญ หลบมุม หมกหมุ่นกับความคิดของตนเอง ทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่กล้ามองหน้าคน น้อยใจเก่ง ชอบคิดมากกับคำพูดของคน วิตกกังวลบ่อยมาก อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหมือนกับคนเป็นโรคจิตเข้าไปทุกที ป่วยบ่อย เป็นๆ หายๆ

ท. สักยัณฑ์เป็นรูปต่างๆ คลั่งไคล้ลายสัก เช่นลายหนุมาน ลายเสือเผ่น จรเข้ งูเห่า มังกร พญานาค รูปพ่อแก่ รูปกุมารทอง นางกวัก รูปยักษ์ ครุธ ปลัดขิก หรือสักเป็นรูปสัตว์มีพิษ เช่นตะขาบ แมงป่อง จักราศรี ลงคาถาอาคม ฝังตะกรุดบนร่างกาย สักน้ำมัน (ไม่มีรูปแต่สักลงบนผิวหนัง) ที่หนักสาหัสกว่าใคร คือการสักเป็นรูปหัวกระโหลก รูปผีบนร่างกาย



ธ. แอบทำสิ่งผิดกฏหมาย ชอบทำบางสิ่งที่แม้กฎหมายไม่ได้ห้ามแต่ผิดศีลธรรม หรือผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เช่นเป็นนักการศาสนาสอนคนอื่นให้ถวายสิบลดเข้ามามากๆ แต่ตัวเองและครอบครัวไม่ปฏิบัติ ให้สมาชิกถวายสิบลด แต่โบสถ์ไม่ถวายสิบลดให้แก่หน่วยงานที่ตนสังกัด รายงานยอดเงินเป็นเท็จ คิดว่าเป็นการซิกแซกทางการบริหารไม่เป็นไร ยักยอก โยกย้ายทรัพย์สมบัติของพระเจ้าไปเป็นของตนเอง คิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่อายฟ้าดิน ไม่อายพระเจ้า

ข้อพระธรรมหนุนใจ

ฮีบรู 12.15-17

จง ระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไปอย่าให้ใครเป็นคนลามก หรือเป็นคนผิดธัมมะเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ได้รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล

ยากอบ 2.18

แต่ บางคนจะกล่าวว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อแต่อีกคนหนึ่งมีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านที่ไม่มีการประพฤติตาม และด้วยการประพฤติตาม ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น แน่ะคนโฉดเขลา ท่านต้องการให้พิสูจน์หรือว่า ความเชื่อที่ไม่ประพฤติตามนั้นไร้ผล เมื่ออับราฮัมบิดาของเรา ได้พาอิศอัคบุตรของท่านมาถวายบนแท่นบูชา จึงได้ความชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ

คำว่า "ไม่เป็นไร" "นิดหน่อยเอง" "ยังมีเวลากับความบาป" "วันสิ้นโลกยังคงอีกนาน" ต่อการเล่นกับความบาป และพฤติกรรมเสี่ยง อาจใช้ไม่ได้กับคนที่ต้องการก้าวไปกับพระเยซูคริสต์ เพราะซาตานมันจับเหมือนหนวดปลาหมึก เมื่อหนวดที่หนึ่งมันเกี่ยวได้ มันจะเพียงพอแค่นั้น มันจะใช้หนวดอันอื่นเข้าช่วยเกาะช่วยเกี่ยว จนเหยื่อมันดิ้นไม่หลุด ใครที่หลงเพลินกับความเพลินเพลิด ความบาปเครือบน้ำตาล กล้บใจเสียเถอะก่อนที่จะสายเกินแก้ และต้องจ่ายราคาสำหรับค่าจ้างของความบาป ในโลกนี้คือควาามทุกข์ทรมาน การเจ็บป่วยทางจิตใจ และวิญญาณ ร่างกายป่วยใข้ สุขภาพเสื่อมโทรม โลกหน้าคือการถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกที่มีความร้อนสูงเพื่อทรมานแต่แม้แต่หนอน ก็ไม่ถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ความสุขจงเป็นของผู้ที่ได้อ่านบทความนี้และได้รับเอาไปพิจารณาใคร่ครวญ