หน้าแรก

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Deliverance-การปลดปล่อย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Deliverance-การปลดปล่อย แสดงบทความทั้งหมด

คนหายโรคเขายืนยันฝากมา A witness of healing


*คำพยานที่ผู้ได้รับการปลดปล่อยส่งมาให้

คำพยาน_เพิ่งได้ฤกษ์ส่งต้นฉบับ

ข้าพเจ้า เป็นคนหนึ่งที่ผ่านไปมาบนโลกอินเตอร์เน็ต และแล้ววันหนึ่งก็มาพบปะกับเว็บไซต์ที่มีนามบ่งบอกตัวเองอย่างชัดเจน ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ติดตามอ่านได้นานสักระยะ บวกกับอีกหลายบทความที่เหมือนเสียดแทงเข้ากระดูกดำเพราะมันตรงกับความเป็น จริงที่ตัวเองประสบอยู่

การเดินทางเพื่อพบทีมงานที่เชียงรายเป็นสิ่งที่น่าประหวั่นอยู่ในใจไม่ใช่น้อย แต่ส่วนหนึ่งของใจก็เหมือนมีความกล้าเต็มล้นออกมา พอเดินทางมาถึงสถานที่ปลดปล่อยที่เชียงราย ทีมงานให้เราเริ่มต้นกันที่บทเรียนสำหรับการรู้จักเรื่องราวบางส่วนของทาสและการปลด ปล่อยทาส เป็นบทเรียนปูพื้นฐานเบื้องต้นให้เรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุและเบื้องลึกของความบาปในชีวิตมนุษย์ เป็นบทเรียนสั้นๆ ที่ใช้เวลาไม่นานนัก แต่ว่าหากว่ามีผลกระทบและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมากมาย

คำพยานของคุณแจง A testimony of Ms Jang

คำพยานของคุณแจง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังมีตัวตน คนที่เคยผ่านมอรสุมชีวิตมาอย่างโชกโชน
เคยถูกกระทำ เคยถูกละเมิด เคยเป็นเจ้าแม่ เคยเป็นคนทรง เคยเป็นสารพัดในเรื่องที่ผิดทางศีลธรรม และกฏหมายบ้านเมือง เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด  ชีวิตของเธอเคยตกต่ำจนถึงขีดสุด

เมื่อเธอมาเจอพระเยซู เธอเป็นอย่างไร ชีวิตของเธอได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ลองติดตาม ชีวิตของเธอ

จากบทสัมภาษณ์นี้ (ออดิโอ Audio from Youtube.com) ทั้งหมดที่ ห้า ตอนติดๆ กัน



เมื่อเธอได้พบกับพระเยซูเจ้าแล้วเธอ อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยสิ่งเหล่านี้ เธอกล้าให้สัมภาษณ์เมื่อมีคนถามถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นพยานบอกเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้า เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเป็นแบบอย่างแก่คนที่หลงเข้าไปสู่วงจรแห่งความชั่วร้าย  เธออยากจะบอกว่า "พระเยซูเจ้ามีจริง พระเยซูสามารถช่วยท่านได้"
...........................................................................
โปรดติดตาม ออดิโอบทสัมภาษณ์กับคุณแจงอีกครั้ง หลังจากที่เธอได้รับการปลดปล่อย ด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งคำอธิษฐานในพระนามพระเยซู 

เมื่อคราวที่คุณแจงได้รับทราบข่าวว่าทีมปลดปล่อยของเรา ได้ช่วยเหลือคนป่วย ด้านร่างกายและอารมณ์มาแล้วหลายรายด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซูเจ้า  เธอลงทุนนั่งรถสิบสองชั่วโมงเพื่อมารับคำสอนและรับการปลดปล่อยจากทีมของเรา ในการมารับการปลดปล่อยในครั้งนี้ (พ.ค.2011)  ทำให้เธอได้รับการปลดปล่อยจากโรคบางอย่างที่เธอพยายามไปรับการปลดปล่อยจากอาการป่วย และอาการถูกของจากหลายๆ สำนัก หลายครั้งหลายหน จากหลายๆ อาจารย์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ  แต่ที่ผ่านไปเธอยังไม่สามารถหลุดพ้นจากปมอันลึกล้ำที่เธอได้รับมาตลอดชีวิตได้

เมื่อเธอมาถ่อมใจ ยอมรับความอ่อนแอของตนเองที่ยังหลุดไม่หมด เธอมาหาเราเธอได้รับอะไร  พบกับการเปลี่ยนแปลงอะไร

เร็วๆ นี้ โปรดติดตาม

หากท่านกำลังเผชิญปัญหาบางอย่างหรือต้องการคำปรึกษา อยากติดต่อคุณแจง กรุณาโทร
08 7803 1620

คำพยาน: เมื่อป้ามาศได้รับการปลดปล่อย

ภาพเหตุการณ์ขณะป้ามาศรับการอธิษฐานปลดปล่อย

คำพยานของผู้ได้รับการปลดปล่อย

ดิฉันชื่อ ป้ามาศค่ะ อายุ 56 ปี เชื่อพระเยซูมา 6 ปี สาเหตุที่ฉันเข้ามาเชื่อเพราะอาการปวดเข่า ก่อนนั้นฉันคิดว่าอาการป่วยเป็นเรื่องของเวรกรรม ดิฉันพยายามหาวิธีรักษามาสารพัดวิธีแล้วแต่ก็ไม่หาย จึงตัดสินใจมาเชื่อพระเยซู ดิฉันคาดหวังว่าคงจะได้พ้นจากสภาพเวรกรรมที่เผชิญอยู่ ดิฉันมีปัญหาเรื่องเข่ามาตั้งแต่อายุประมาณ 17 ปี อาการปวดนี้ทรมานฉันมานานเหลือเกิน ในคราวที่ฉันเข้ามารับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ได้ 7 วัน อาการปวดหายไปอย่างอัศจรรย์ ดิฉันสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่ที่เข่ายังมีความเจ็บถ้าต้องเดินมาก หรือขึ้นลงบันได ดิฉันคาดหวังที่จะหายโดยสิ้นเชิง ดิฉันได้รับการวางมือรักษามาโดยตลอดแต่ก็ยังเหมือนเดิม

ดิฉันมาพบท่านอาจารย์ไรท์โดยบังเอิญผ่านเฟสบุ๊ค ซึ่งน่าจะเป็นการทรงนำ คือพิมพ์หาเพื่อน พิมพ์ไปพิมพ์มาเจอ การปลดปล่อยและหายโรค ดิฉันรีบแอดขอเป็นเพื่อนทันที เพราะคิดว่าดิฉันได้พบเจอสิ่งที่ต้องการมานานแล้ว

เมื่อลุงมีรับเชื่อ How to win a soul to heavens

  ลุงมี สุทธศิลป์ เกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัดพะเยา
เกษตรกรดีเด่นรางวัลรองชนะเลิศ การเลี้ยงโคเนื้อระดับประเทศ
ได้รับเชื่อแล้วเมื่อ 23 เมษายน ค.ศ. 2011

คริสเตียนหลายคนคงกระวนกระวายใจมาก เมื่อได้ยินผู้นำพูดในตอนเริ่มต้นปีใหม่ของทุกๆ ปี ผู้นำใน คริสตจักร หรือศิษยาภิบาลจะบอกตอนต้นปีเสมอว่า...

"ปีใหม่นี้ให้พวกเราออกไปประกาศนำคนมารอดในพระเจ้า อย่างน้อย 1 คน นำหนึ่งคนในเวลา 1 ปี ให้ได้"

แต่เมื่อเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า พวกคริสเตียนที่ไปโบสถ์ทุกๆ วันอาทิตย์ยังไม่สามารถ นำใครมารอดได้สักที บางคนก็นำมาบ้างแต่มันนานมากแล้ว ไม่ค่อยเกิดผล เป็นเพราะอะไรเราจึงเกิดผลยากนัก บทความนี้อาจให้แนวคิด หรือคำตอบบางอย่างที่ช่วยให้บางคนตระหนักได้ว่า  อะไรที่ช่วยให้เราเกิดผล นำคนมารอดได้ง่ายๆ

<div style="text-align: left;">
<!--more--></div>
<div style="text-align: left;">
</div>

ผมเองเคยเป็นคริสเตียนที่ไม่เคยนำใครมารอดจากบาป หรือหายป่วยหายใข้ในพระนามพระเยซูคริสต์เป็นเวลาเกือบทั้งชีวิต มันนานเท่าๆ กับเวลาที่พวกอิสราเอลเดินในแถบทะเลทรายอาราเบียเลยทีเดียว
ในช่วงเวลาแห่งการไร้ผลที่ผมได้ประสบนั้น  ผมทำหลายอย่างในการที่จะนำใครสักคนให้มารู้จักกับพระเยซูคริสต์  ผมแจกของขวัญวันคริสต์มาสแก่เพื่อนๆ หรือคนที่เราคาดว่าน่าจะรู้จักพระเยซู  ผมชวนเขามาโบสถ์ในวันคริสต์มาส ซื้อของขวัญดีๆ แจกเพื่อนๆ และคนที่เราตั้งใจจะประกาศเรื่องพระเยซูให้ ผมอุตส่าห์สำแดงความรัก ความใจดีแก่พวกเขาเสมอ บางครั้งก็ทำอาหารเลิศรสเลี้ยงเขา 

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนของผมยังไม่มีใครเปิดใจต้อนรับพระเยซูเลยสักคน เพราะตอนนั้นผมยังกินและดื่มเหมือนพวกเขา ผมด่าเจ้านายลับหลังเหมือนพวกเขา เวลาเขาจ้อเรื่องลามกผมก็ยังหัวเราะไปกับเขา ไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติอะไรเลย คิดว่าเป็นเรื่องโจ๊ก บางทีผมยังซื้อหนังสือโจ๊กตลกที่มีเรื่องสองง่าม สามแง่มาอ่านอีกต่างหาก ผมชอบทำอะไรตามใจฉัน  ผมปฏิบัติพระเจ้าตามความคิดเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้รู้สึกว่าต้องที่ดีจากแบบอย่างในพระคัมภีร์ แต่ผมกับทำตามอย่างวัฒนธรรมทางศาสนาที่ผมได้รับอิทธิพลมา

นี่คงเป็นสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ผมพูดเรื่องพระเจ้าแล้วไม่มีใครสนใจ อีกอย่างเพื่อนผมไม่เอาพระเยซูเพราะพวกเขามีพระของเขาอยู่แล้ว  บางคนมีพระเจ้ามากมายจนพวกเขาดูแลไม่ไหว ทั้งผีทั้งพระเจ้า  พวกเขายังมีเครื่องรางและพิธีกรรมมากมายที่ต้องปฏิบัติ พวกเขาจึงเบื่อพระเจ้ามากๆ  ชีวิตของผมเองก็ไม่ได้เปล่งแสงสว่างอะไร ชีวิตผมเป็นเพียงสีเทาๆ ทึบๆ ไม่ขาว ไม่ดำ  พวกเขาคงสังเกตได้ว่า ชีวิตของผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขามากนัก  พวกเขาก็เลยไม่ยอมรับเชื่อพระเยซู  เพราะสีเสื้อของผมกับของเขามันคล้ายๆ กัน

บทความตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะบอกอะไรบ้างอย่างที่ เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผมนำคนมารอด รับสันติสุข และการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างใหญ่หลวงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร  บางครั้งไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ การรับความรอดคือ การเปลี่ยนจากการไหว้รูปเคารพ และวิญญาณอื่น มานับถือพระเยซูคริสต์ ยอมรับว่าพระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริง พระเยซูคือพระเจ้าผู้เป็นอยู่ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์  ไม่สถิตย์อยู่ในรูปปั้น หรือสิ่งใดๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นเพื่อนมัสการหรือกราบไหว้บูชา  เพราะพระองค์คือพระเจ้าแท้ที่ยังช่วยได้ และพระองค์ยังคงทำการอัศจรรย์ผ่านมือ และคำอธิษฐานของผู้เชื่อพระองค์ในทุกวันนี้

เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2011 พี่สาวของภรรยาผมที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เพิ่งกลับมาเยี่ยมคุณแม่ที่ประเทศไทย  พอดีเขามีลูกชายอยู่คนหนึ่งที่ไปแต่งงานกับสาวคนหนึ่งเธอ (ชื่อว่าน้องก้อย)  ที่อยู่ในจังหวัดพะเยา คืออำเภอจุน (บ้านร่องแมดสันติสุข)  พี่สาวแฟนผมได้ชวนผมไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ของน้องก้อย

เมื่อเราไปถึง เราได้พบกับลุงมี สุทธิศิลป์  คุณลุงได้ต้อนรับเราให้ขึ้นไปนั่งบนบ้าน  เมื่อผมได้พบกับลุงมี ผมได้พบว่า ลุงมีเกิดอาการป่วยหลายอย่าง คือ เป็นโรคความดัน โรคเก๊า และมีอาการเท้าบวม  ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้สะดวก  หนักหลัง และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ คือมีอาการป่วยว่างั้นเถอะ

ผมเห็นลุงมีเท้าบวมและมีอาการอย่างนี้จึงถามลุงมีว่า 

"ลุงครับ ป่วยเป็นเก๊า และความดันนี่กินยาอะไรหรือครับ"

ลุงมีตอบว่า
"ซื้อยาแก้โรคเก๊า และความดันมากินชุดละสามพันกว่าบาทที่เขาโฆษณาทางทีวี"
"เป็นยาเอนไซน์ แต่กินไปแล้วสองอาทิตย์รู้สึกว่าเท้าบวมเดินไม่ได้"

ผมจึงท้าทายลุงมีไปว่า
"ลุงครับ, ผมมียาดีนะ ลุงอยากลองหรือเปล่า  ลุงซื้อยามากินแพงหลายพันแต่ไม่หาย กินมาสองอาทิตย์อาการยังไม่ดีขึ้น  ผมอยากให้ลุงลองยานี้นะครับ ไม่ต้องเสียเงิน ผมคิดว่าใช้เวลาไม่มากต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ลุงอยากลองดูไหมครับ แต่ลุงต้องเสียสละบางอย่าง เพื่อแลกกับการมีสุขภาพดีนะ"

ลุงมี เหมือนรูแกวผม แกชิงพูดว่า "พระเยซูหรือเปล่า" ผมเคยได้ยินคนมาแจกใบปลิว แถวๆ หน้าบ้าน แต่ผมไม่เคยลบหลู่ท่านนะ" ถ้าอาจารย์ว่าดีผมก็จะลองดู

ผมจึงบอกกับลุงมีว่า

"ถ้าผมอธิษฐานให้ลุงหาย ขอให้ลุงติดตาม พระเยซูอย่างแท้จริง ด้วยสัจจะ และให้เลิกการกราบไหว้บูชาวิญญาณอื่น เพราะถ้าวิญญาณเหล่านี้มันดีจริง มันคงช่วยให้ลุงหายป่วยได้แล้ว ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้ เพราะลุงมีอายุแค่ห้าสิบแก่ๆ น่าจะมีสุขภาพที่ดีกว่านี้ ถ้ามีพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า"

ทำไมผมต้องขอให้ลุงเลิกกราบไหว้วิญญาณ และรูปเคารพที่ลุงเก็บไว้ในบ้านอย่างมากมาย ก็เพราะว่า รูปเคารพเหล่านี้   แท้จริงมันไม่ได้ช่วยขับไล่วิญญาณใดๆ ออกไปจากบ้านลุงเลย แท้จริงมันคือตัวสื่อสาร  เป็นเหมือนสื่อล่อให้วิญญาณเจ็บป่วยอื่นๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้ลุงป่วยไม่หายสักที"

ผมเล่าต่อ

"ถ้าหากลุงไม่ยอมละทิ้งสิ่งเหล่านี้ การหายโรคของลุงจะมีแค่ชั่วคราวหลังจากที่ผมกลับบ้านไป ลุงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือแย่กว่าเดิม  แต่ถ้าลุงรับเชื่อจริงๆ มีสัจจะ กราบไหว้พระเยซูและเลิกการบาปทั้งปวง และหยุดงานพักผ่อนอาทิตย์ละ 1 วันในวันอาทิตย์ ลุงจะหายดีตลอดไป"

ลุงมี ได้ฟังเงื่อนไขที่ผมนำเสนอ  ลุงมีพิจารณาดูสักครู่  ลุงมีจึงตอบตกลงยอมรับการรักษาในพระนามพระเยซู 

ผมจึงเรียกลูกชายของผมคือ ดุ๊กซึ่งมีของประทานแห่งการสังเกตวิญญาณ และการเผยพระวจนะ
มาช่วยอธิษฐาน  เราได้รับรู้ว่าต้นเหตุแห่งปัญหาการเจ็บป่วยของลุงมี ไม่ใช่เชื้อโรคเป็นสาเหตุหลัก แต่มันเกิดจากสาเหตุอื่น เราต้องอธิษฐานถึงสองรอบ เราจึงได้รับชัยชนะในการปลดปล่อยลุงมี  เราทำการอธิษฐานปลดปล่อยประมาณ 15 นาที เมื่อเราอธิษฐานเสร็จ เราขอให้ลุงมีลองลุกขึ้นยืน และเริ่มเดิน  ลุงมีบอกว่า รู้สึกเบาและเดินสะดวกขึ้น  เราจึงบันทึกภาพ และวีดีโอคลิปไว้ด้วย

หลังจากนี้ลุงมีได้พาพวกเราไปตกปลาที่บ่อปลาในสวนของลุงมี   ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากบ้านอีกประมาณ 5 กิโลเมตร  ลุงมีก็ขึ้นรถยนต์ไปกับเรา เมื่อไปถึงสวนลุงมีเดินเหินไปมาได้สะดวก มีอาการดีขึ้นมาก

วันต่อมาเราได้รับทราบจากคุณก้อยลูกสาวของลุงมีที่โทรศัพท์ติดต่อกัน เธอแจ้งให้เราทราบว่าว่า ลุงมีสามารถขับขี่มอร์เตอร์ไซด์ได้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ลุงมีขี่รถไม่ได้มาหลายวันแล้ว  เราขอบพระคุณพระเยซูเจ้า  โดยนามของพระองค์เราอธิษฐานอวยพร ลุงมีก็หายดี

น่าเสียดายที่หมู่บ้านที่ลุงมีอยู่ หรือในบริเวณใกล้เคียง ไม่มีโบสถ์คริสเตียนใดๆ ตั้งอยู่เลย  เราจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ โบสถ์คริสต์ที่มีอยู่ทั่วไป หลายแห่งก็ไม่รู้จักฤทธิ์เดชของพระเจ้า บางแห่งรู้จักแต่ทำไม่เป็น และบางแห่งก็ไม่เชื่อในเรื่องฤทธิ์อำนาจในการวางมือรักษาคนป่วยอีกด้วย  เป็นเรื่องที่คริสเตียนที่เติบโตแล้วต้องช่วยกันกระจายข่าวนี้บอกไปให้ทั่วว่า ผู้เชื่อในพระนามพระเยซูที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว สามารถอธิษฐานวางมือคนให้หายจากโรคภัย ความป่วยใข้ และสามารถขับวิญญาณอื่นทุกชนิดได้  ไม่ว่าจะอยู่ระดับบิ๊ก ระดมเทพ ระดับพรหมอะไรก็ตาม เมื่อมันเจอคำอธิษฐานของทีมของเรา ต้องจอดทุกวิญญาณ

ข้อพระธรรมหนุนใจ

"ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค” 
พระธรรมมาระโก 16.16-18

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ท่านอิ่มใจด้วยสันติสุข และหายดีในพระนามพระเยซู

กลับไปหน้าแรกของเว็บ HOME

ตอนที่ 2 จุดอ่อนที่ทำให้เกิดปัญหาชีวิตและการถดถอยทางวิญญาณ

เมื่อผมเริ่มกลับใจ  ผมได้รู้จักอาจารย์ของผมที่ทำการประกาศความเชื่อของคริสเตียนด้วยการอธิษฐานวางมือเผื่อคนป่วยให้หายได้อย่างง่ายๆ พวกเขาเดินทางมาจากประเทศออสเตรเลียทุกปี เป็นเวลากว่าหกเจ็ดปีแล้ว เราร่วมกันจัดการประกาศแบบนี้ในที่สาธารณะหลายครั้งผมได้เห็นคนหลายคนหายจาก อาการปวด บาดเจ็บ อาการของโรคต่างๆ มากมายอย่างอัศจรรย์ ผมจึงเริ่มสนใจกับกับบทเรียนเกี่ยวกับการปลดปล่อยอันล้ำค่านี้  
<div style="text-align: left;">
<!--more--></div>
<div style="text-align: left;">
</div>
ผมได้พบว่าความรู้ และสามารถเข้าถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในเรื่องการหายโรคนี้เป็นประโยชน์มากต่อมวลมนุษย์ ไม่ เพียงเป็นประโยชน์สำหรับชีวิตของผมคนเดียวแต่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อ เพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะเชื่อพระเยซู หรือไม่เชื่อพระเยซู ก็อาจได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในศาสนาคริสต์ ผู้นับถือศาสนาจำนวนมากไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่สามารถเข้าถึง เพราะหลายคนเชื่อพระเจ้าเพียงแต่เปลือกนอก ยังไม่ได้เข้าไปถึงแก่นของข่าวประเสริฐเรื่องความรอดบาปที่พระเยซูนำมา ประกาศเมื่อสองพันปีก่อนมาแล้ว

นั่นคือการปลดปล่อยจากความเจ็บป่วย ความบาดเจ็บทางอารมณ์ อาการทางจิตหลายอย่างที่แพทย์แผนปัจจุบันและไสยศาสตร์ไม่สามารถรักษาได้ ความ รู้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีเขียนไว้อย่างมากมายในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แต่ ผมไม่เคยเห็นอาจารย์ในเมืองไทยคนไหนเอามาสอน หรือเอามาใช้มากนักในช่วงห้าหกปีก่อน(ตอนนี้ ค.ศ.2011) เมื่อผมเริ่มสนใจจึงได้เรียนรู้กับอาจารย์ในการออกปฏิบัติการ คือเรียกได้ว่า Learning bydoing คือเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ

ผมได้เดินทางไปต่างประเทศ ผมได้รับหนังสือมาหลายเล่มที่ไม่ค่อยมีขายในเมืองไทย
ผมเริ่มศึกษา และเริ่มออกปฏิบัติการตามที่อาจารย์ชาวต่างประเทศได้บันทึกไว้ผมได้พบเห็นว่า แท้จริงคนเราไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณบาปวิญญาณอื่นที่มีมากมาย ยิ่งเมื่อผมออกไปปฎิบัติการ ยิ่งอธิษฐานเผื่อผู้คนยิ่งได้รับความเข้าใจมากขึ้น บางครั้งมากจนกระทั้งผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง นอกจากลูกศิษย์ในทีมของเราเท่านั้น เรา จะไม่เล่าอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อความเชื่อแบบวัฒนธรรมตามกลุ่มความเชื่อของ คริสเตียนเพราะมันอาจไม่สอดคล้องกับความรู้ ความเข้าใจทางศาสนศาสตร์ ของนักการศาสนาจำนวนไม่น้อยที่เรียนมาจากศาสนศาสตร์ที่เน้นด้าน ฮิวแมนนิสสึม หรือ ด๊อกมาของกลุ่มใครกลุ่มมัน หรือที่เรียกว่า ศาสนศาสตร์เชิงระบบ และบางอย่างเกี่ยวกับวิญญาณไทยๆ ที่เราได้รับรู้ ไม่ได้มีจดบันทึกชื่อของมันไว้ในตำราของฝรั่งที่นักการศาสนาคนไทยไปร่ำเรียน มาจากเมืองนอก สิ่งนี้อาจไวต่อความรู้สึกของคริสเตียน นักการศาสนาบางคนที่นับถือหลักข้อเชื่อ และกฎเกณฑ์ของกลุ่ม มากกว่านับถือตามพระคำของพระเจ้า หรือไม่สามารถเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่สามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ดังพระคัมภีร์ตอนหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า

"แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่ง เหล่านั้น ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยวิญญาณ"
พระธรรม 1 โครินธ์ 2.14


ทีมปลดปล่อยของเราได้เห็นการทำงานของพระเจ้าตามรูปแบบในหนังสือหนึ่งโครินธ์บทที่ 12 อย่างชัดเจน เรา จึงได้รับความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น พระเจ้าได้เมตตาให้ผมได้ฝึกสอนลูกศิษย์ทีละคนสองคน จนตอนนี้เรามีทีมที่แข็งแกร่ง และมีของประทานตามพระสัญญา ผม เชื่อว่า คนที่ชอบพูดคำว่า "ผมไม่มีของประทาน" เป็นสิ่งที่น่าปรับปรุงมากสำหรับคริสเตียนหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตนเองเป็นผู้โตแล้วในความเชื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะการวางมือรักษาคนป่วย และการบำบัดด้านจิตวิญญาณนี้ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นมีในคริสตจักรของพระองค์อย่างแน่นอน

แต่ผู้เชื่อกลับถูกปิดบังไว้ บ้างไม่กล้าทำ บ้างไม่คิดทำ ไม่รู้วิธี บางคนมีแต่ถูก "ระบอบ" บีบคอไว้ทำไม่ได้ถนัด บ้างก็ไม่มีใครส่งเสริมการใช้ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักร บางแห่งกลัวด้วยซ้ำ
บ้างไม่ได้เกิดเลย เพราะระบอบเก่าเขาใช้คนตามระยะเวลา และเส้นผมบนหัวของคน แทนการให้โอกาสคนได้รับใช้ ตามศักยภาพ และของประทาน

ผม จึงอยากจะแบ่งปันข้อสังเกตและข้อแนะนำบางอย่างที่อาจช่วยให้ใครก็ได้ที่ได้ ชื่อว่าเป็นชาวคริสต์ผู้ที่อยากจะมีชีวิตที่สุข อย่างแท้จริง แม้ว่าบางคนจะไม่ค่อยเชื่อพระเจ้ามากนัก หรือบางคนเชื่อแค่เป็นศาสนาของพ่อแม่สิ่งเหล่านี้ที่นำเสนอมา หากละเว้นได้ก็ขอให้ละเว้นก็แล้วกัน สิ่งเหล่านี้ ผมขอเรียกมันว่า "พฤติกรรมที่ผู้เชื่อพระเยซูควรหลีกเลี่ยง" ก็แล้วกัน ผู้รู้ที่ศึกษาเรื่องนี้อาจจะคิดว่ามีน้อยเกินไป หรือไม่เพียงพอ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะผมจะนำเสนอพอสังเขปเท่านั้นหากจะเรียนรู้ให้ลึกซึ้งและว่าให้ถึงกึ๋น จริงคงต้องใช้เวลาในการเขียนตำราเป็นเล่มๆ และเนื้อหาก็คงจะยาวจน คนอ่านไม่อยากจะอ่านก็เป็นได้


สิ่งที่น่าสังเกต และทบทวนเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยง คือ

ก. การกราบไหว้ไม้กางเขน ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำ การอธิษฐานขอการคุ้มครองจากไม้กางเขน แขวนไม้กางเขนอันใหญ่ หรืออันเล็กไว้ที่คอ สักรูปไม้กางเขนบนร่างกาย เพื่อเป็นเสมือนเครื่องราง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ความรู้สึกว่า มีพระอยู่ด้วยคอยคุ้มครอง บาง คนอาจเคยสร้างไม้กางเขนอันใหญ่สวยงามเพื่อให้คนเอาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชากราบ ไหว้ ยิ่งต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม และเป็นมหาบาป สมควรหลีกเลี่ยง

ข. ไม่รักษาวันสบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ ทำงาน เรียนพิเศษ หาเงินทำธุรกิจไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ไม่รู้จักพอ ตะลอนๆ หาเงินจนหัวปุหัวฟู บางคนทำเหมือนพวกที่หากินที่พระวิหารสมัยโบราณ ในสมัยพระเยซูคือ เอาของไปขายที่ในโบสถ์เพื่อหารายได้เพิ่ม บาง คนไม่ขายตอนเช้าแต่ขายของตอนบ่ายวันสะบาโต บางคนเกรงกลัว เกรงใจพ่อแม่ ญาติมากกว่าเกรงกลัวพระเจ้า ทำการค้าขายทำไร่ ทำสวนในวันหยุดเป็นประจำ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ทำจะได้ดีเพียงชั่วครูตอนปลายจะพบแต่วิบัติ หรือเป็นบาป นำความป่วยใข้ ไม่เป็นพร แต่ก็ยังทำอยู่เพราะไม่มีใครกล้าบอกตรงๆ กลัวหนีโบสถ์ไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก เด็กบางคนไม่ไปโบสถ์เพราะติดเกมคอมพิวเตอร์ ถ้าไปก็ต้องรีบกลับมาเพื่อจะได้เล่นเกมให้สนุก เพราะความสนุกในการเล่นเกม มันดึงดูดใจมากกว่าการไปนั่งฟังคำเทศนา และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ค. ไม่ชอบอธิษฐานขอการอวยพรในการทำงาน ไม่ขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการทำงาน คิดว่ากำลัง เรี่ยวแรง ความรู้ และประสบการณ์ที่ตนเองมีจะสามารถทำให้งานสำเร็จราบรื่น การนับถือเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะคนบางคนให้ความสำคัญกับเวลาทำงานหาเงินมากกว่าการเข้าร่วมสามัคคีธรรม กับพี่น้อง การไปเยี่ยมเยียนหนุนใจ การประกาศข่าวประเสริฐ คนบางคนไม่มีเวลาอ่านพระคัมภีร์ด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาอธิษฐาน ไม่มีเวลาคิดใคร่ครวญพระคัมภีร์ของพระเจ้า เป้าหมายของชีวิตที่สำคัญคือการมุ่งสร้างฐานะ การเรียน ความสำเร็จ และการทำงานเพื่อให้ชีวิตมั่นคง เพื่อให้คนอื่นยอมรับความสามารถ บางครั้งบางคนไม่ต้องการแต่ต้องทำเพราะ พ่อแม่บังคับ ญาติบังคับ สังคมคาดหวัง ต้องทำไปตามระบบ

ผลจาก
ปฏิบัติสิ่ง เหล่านี้นานวันเข้าเราพบว่า ใช้เวลาไม่นานเกินรอ หลายคนล้มเหลวไม่เป็นท่า เจ็บป่วยบ่อย มีโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง บางครอบครัว บางตระกูลต้องมีหมอประจำบ้าน เพราะป่วยทั้งบ้าน บางคนเมื่อชีวิตล้มเหลว เจ็บป่วยด้วยโรครักษายาก จะโทษพระเจ้าว่าทำไมพระเจ้าไม่รักษา พระเจ้าอยู่ไหน ไหนว่าพระเจ้าเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ เริ่มบ่นด่าพระเจ้า การกระทำเช่นนี้จึงเป็นเหมือนทำบาปซ้อนบาป ทำผิดซ้ำซ้อน โหมโทษภัยให้ตัวเอง ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นแค่คิสตาม เวลาสบายจะลืมไปโบสถ์เป็นปีๆ ไม่ได้อยู่ในการปกครองของพระเจ้า แต่บางคนถ่อมใจยอมกลับมาหาพระเจ้า ขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า

ง. เชื่อฟังคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมของพ่อแม่ที่ให้ไปทำงานในสบาโตเป็นประจำ ไม่ให้มาร่วมนมัสการพระเจ้าเกรงกลัวพระเจ้าแต่ก็เกรงกลัวพ่อแม่มากกว่า ไม่ยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดจากความเชื่อในพระเยซู บางคนยอมก้มหัวให้กับวิญญาณบรรพบุรุธ เข้าร่วมพิธีเซ่นสังเวยวิญญาณบรรพบุรุธ
จุดธูปเทียน นำเครื่องสังเวยไปกราบไหว้หลุมฝังศพ หรือกระดูกหรือรูปภาพของบรรพบุรุูธ หรือคนตาย

ที่ น่าตลกมากๆ คือเราได้รับทราบมาว่า ปัจจุบันนี้ยังมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคิสตาม จำนวนไม่น้อยที่ยังไปกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุธ เอาของไปถวายให้วิญญาณคนตาย ไปพูดหน้าหลุมศพญาติ ในวันที่พวกเขาพากันไปนมัสการในสุสานวันอิสเตอร์ โอ้นี่ช่างเป็นคิสตามที่ห่างเหินการศึกษาอย่างแท้จริง ไม่มีรุ่งอรุณเลย

(มัทธิว 4.10) (มัทธิว 10.37)



จ. กินไม่รู้จักหยุด กินจนร่างกายอ้วนเกินไป
ติดใจในปริมาณและรสชาดอาหาร บาง คนกินจนออกจากประตู้ห้องนอนตัวเองไม่ได้ อย่างที่เป็นข่าวไปคึกโครมอยู่เนืองๆ คริสเตียนที่กินมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการไม่รู้จักบังคับจิตใจของตนเอง เป็นทาสของความอยากอาหาร กินไม่เป็นเวลากินได้เรื่อยๆ บาง คนชอบกินยาลดความอ้วนไม่ถนอมร่างกายตนเอง ไม่บังคับใจตนเอง แต่ใช้ยาเป็นตัวช่วยทั้งที่ต้นเหตุคือความอยากที่ไม่สมดุลกับความต้องการของ ร่างกาย แท้ที่จริงคือ ยาลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือการกินอาหารแต่พอเพียงหรืองดอาหารบางประเภทเป็น เวลาระยะหนึ่งอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

ฉ. เข้าร่วมกิจกรรมการเล่นผีถ้วยแก้ว การจุดธูปเทียนเชิญวิญญาณให้มาเข้าร่างทรง การพูดคุยกับร่างทรงอยากรู้อนาคต และวิธีการแก้ปัญหาของชีวิต พวกเขาจึงอยากไปถามร่างทรงมากกว่าการอธิษฐานและพึ่งพาพระเยซู คน ที่ไปทำสิ่งนี้เขาอาจไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเหมือนการเชิญให้วิญญาณ เข้ามารบกวนชีวิต จิตใจของเขาได้ การจุดธูปต่อสิ่งใดก็ตามแม้เป็นเพียงธูปก้านเดียว ก็พาวิญญาณของเขาให้หลงเจิ่นไปจากพระเป็นเจ้าแล้ว เป็นการบอกต่อวิญญาณอื่นที่ครอบครองเป็นเจ้าโลกนี้ให้มาครอบงำ ให้มาดลใจให้จิตใจยิ่งเหิ่นห่างไปจากทางสว่างของพระเจ้ามากขึ้นไปทุกที

ช. การเข้าร่วมพิธีบวงสรวง เซ่นไหว้ ศาลเจ้า ศาลหลักเมืองการปลุกเสก การสร้างรูปเคารพ สถูปและ อนุเสาวรีย์ต่างๆ เข้าร่วมพิธีกราบไหว้หลุมศพ การแจกทานเพื่อทำบุญให้คนตาย ชาวคริสต์ที่เข้าร่วมอาจคิดว่าเป็นเพียงพิธีกรรมตามวัฒนธรรมธรรมดาไม่มีผลอะไรแต่แท้ที่จริง เป็นการฝ่่าฝืนบัญญัติข้อที่ 1 ในพระบัญญัติสิบประการ

ซ. กินของที่เขาได้สังเวย หรือถวายให้แกรูปเคารพแล้วนึกว่าไม่เป็นไร เพราะเห็นว่าเป็นอาหารอร่อย อาหารพวกนี้ได้แก่เครื่องสังเวยผลไม้ ไข่ เนื้อ และสิ่งใดๆ ที่เขาได้บูชาให้แกวิญญาณ หรือรูปเคารพมาแล้ว ชาวคริสต์ที่รู้ดีจะไม่ทำ( 1 คร.8.4)


ฌ. เข้าร่วมพิธีบายศรี สู่ขวัญ หรือกินอาหารจากต้นบายศรี ที่มีการเชิญอาจารย์มาทำพิธีเรียกขวัญ มีการถวายเหล้าและของเซ่นไหว้แก่ ต้นบายศรี การเข้าร่วมพิธีไหว้ครูช่างการกราบไหว้รูปปั้นรูปเคารพที่นำมาติดตั้งในพิธีกรรมไหว้ครู เช่น ครูดนตรี เครื่องดนตรี ครูนาฎศิลป์ ครูโนราห์ การครอบครู หัวโขน ลงเลข เสกน้ำมนต์ สะเดาะห์เคราะห์ ยกเว้นการแสดงความเคารพต่อผู้สอนที่เป็นคนโดยไม่ได้นำเครื่องสักการะที่คล้ายกับที่ให้แกรูปเคารพมาให้ ชาวคริสต์สามารถทำได้

ญ. ชอบอ่านคอลัมป์ในหนังสือนิตยสาร อินเตอร์เนท สื่อรูปแบบใดๆ หรือหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องเกี่ยวกับดวงชะตาราศรีจักราศรี การดูลายมือ การตั้งชื่อตามไสยเวทย์ การตั้งชื่อของตนเอง หรือลูกหลานเป็นชื่อของรูปเคารพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาอื่น เช่นวิษณุ พรอุมา พรนารายณ์ การฝึกโยคะ การฝึกเพ่งสมาธิ ท่องเวทมนต์ คาถา ยกมือขึ้นรับพรจากนักบวชหรืออาจารย์ที่ทำพิธีกรรมเกี่ยวไสยศาสตร์


ฎ. เข้าร่วมพิธีกรรมในเทศกาลต่างๆ ที่ชาวบ้านจัดขึ้นเช่นพิธีขอฝน
ทำบุญบั้งไฟ การแห่นางแมวแห่พยานาค มังกร รูปเคารพ นางสงกรานต์ ผีตาโขน ลอยกระทง แห่เทียนพรรษา การแห่ตามประเพณีเหล่านี้แท้จริง เบื้องหลังงานเหล่านี้คือการกราบไหว้ฟ้าดิน รูปเคารพ ตำนานทางศาสนาที่ไหว้รูปเคารพ พิธีกรรมเหล่านี้แม้จะมีชื่ออย่างไรก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงออกคล้ายๆ กับที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่บ่งบอกว่า เป็นพิธีกรรมที่พระเจ้าไม่ปลื้ม


ฏ. การก้มหัวให้กับรูปเคารพ รูปเหมือนของคนตาย หรือคนเป็น ผีบรรพบุรุธ หรือภาพใดๆ ที่ต้องการเครื่องบวงสร้าง เครื่องสังเวย เครื่องบูชา ถวายทาน เครื่องสักการะการกระทำอย่างนี้อาจขัดแย้งกับคำสอนในพระบัญญัติสิบประการในข้อที่ 1-2 บางครั้งชาวคริสต์หลายโบสถ์ไม่ทันระวัง  ในช่วงคริสตมาสของทุกปีบางครั้งผมเคยเห็น ผู้นำบางคนแจกปฏิทิน หรือของที่ระลึกที่เป็นรูปพระ รูปเคารพหรืออนุเสาวรีย์ที่มีความหมายทางวิญญาณ บางแห่งบนโต๊ะทำงานของนักการศาสนาก็ยังมีรูปเหล่านี้อยู่พวกเขาไม่ทันระวัง นึกว่าไม่เป็นไร ลองพิจารณาดูในพระธรรมเหล่านี้ คือ พระธรรม 2 คร 6.14-15, อพยพ 20

ฐ. การละทิ้งหรือเพิกเฉยต่อผู้มีพระคุณ พ่อแม่หรือผู้ที่ให้การอบรมสั่งสอน หรือมีคุณต่อเรา ลูกบางคนไม่ไปเยี่ยมพ่อแม่เวลาพ่อแม่่ป่วยใข้ไม่ไปเยี่ยม ไม่ไปหา ไม่มีของฝากอะไร ดีแต่รบกวน ไม่ มีเวลาไปเฝ้าใข้ ใช้เงินจ้างคนอื่นไปเฝ้าแทน อ้างเสียเวลา เสียงานสุขภาพไม่ดี ลูกไม่มีใครดูแล อ้างเหตุผลสารพัน ละเว้นการกระทำที่แสดงความดีตอบแทนต่อผู้มีคุณต่อตน(กาลาเทีย 6.6) บางคนทุบตีพ่อแม่ ไม่ให้เกียรติ ไม่เชื่อฟัง ทำอะไรตามใจที่ผิดธรรม (อพยพ20.12)


ฑ. เก็บความแค้น ความเกลียดไว้ในใจ ชอบนินทาว่าร้าย โลภ จับผิดอิจฉา แก่งแย่งชิงดี ตอแหลเก่ง ขมขื่น นอนไม่หลับ หรือชอบนอนทั้งวัน การงานทำไม่สำเร็จ เกียจคร้าน บางครั้งชอบขโมยของไม่มีใครจับได้ คิดวางแผนชั่ว เหย่อหยิ่งไม่รับฟังคำสอน คำตักเตือน คิดว่าตนเองฉลาด เรียนสูง เก่ง รู้มากกว่า ชอบให้คนอื่นทำตามที่ตนต้องการ ชอบอยู่คนเดียว ชอบปลีกตัวไม่สุงสิงใคร คิดฆ่าตัวตายบ่อยๆ เบื่อโลก (มาระโก 7.21-23)



ฒ. กบฏต่อสิทธิอำนาจ ไม่ยอมต่อเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้ง กบฏต่อเจ้าอธิการหรือนักการศาสนาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างชอบธรรมให้มี หน้าที่ปกครองดูแล แม้ว่าคนเหล่านั้นจะทำบาปทำผิดพลาดก็ตาม (สดุดี 105.5)

ณ. ชอบหมกหมุ่นกับภาพลามก คลิปลามกในมือถือ ในคอมพิวเตอร์ สื่อลามก คิดลามกกับเพศตรงข้าม หรือคนที่ไม่ใช่คู่สมรส มีความต้องการทางเพศสูงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดความหมกหมุ่นทางเพศ จินตนาการทางเพศสูง เคยละเมิดทางเพศกับคนในครอบครัว มีความคิดอยากมีสัมพันธ์ทางเพศกับสัตว์ หรือเคยทำจริง เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน หรือคนในสายเลือดใกล้ชิด ชอบถ้ำมอง เช็กโฟน หรือรูปแบบใดๆ ที่วิปริต ชอบแต่งตัวยั่วยวนทางเพศ ชอบให้คนมองว่าตนเองเซ๊กซี่ หรือมีสัญลักษณ์ทางเพศที่ดึงดูดใจ ชอบหลงตัวเอง

ด. ชอบพูดโกหก ตอแหลทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น ชอบโอ้อวด พูดเกินจริง รู้สึกต้องการการยอมรับอย่างมาก อยากเป็นใหญ่ อยากชนะ อยากกลายเป็นคนสำคัญ อยากเป็นคนที่ใครๆ ก็ว่าเก่ง อยากได้หน้า

ต. มีความสัมพันธ์ที่ค่อยข้างเลวร้ายกับคนในความสัมพันธ์ครอบครัว หรือญาติทางฝ่ายสามีหรือภรรยา มีความเกลียดชัง ขมขื่น ไม่อยากให้เห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ มีความเกลียดชังฝังใจ ไม่มีวันลืม

ถ. ชอบคิดว่าตัวเองโง่ เงอะง่ะ ไม่เหมือนคนอื่น คิดว่าตนเองไม่เจริญ หลบมุม หมกหมุ่นกับความคิดของตนเอง ทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่กล้ามองหน้าคน น้อยใจเก่ง ชอบคิดมากกับคำพูดของคน วิตกกังวลบ่อยมาก อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหมือนกับคนเป็นโรคจิตเข้าไปทุกที ป่วยบ่อย เป็นๆ หายๆ

ท. สักยัณฑ์เป็นรูปต่างๆ คลั่งไคล้ลายสัก เช่นลายหนุมาน ลายเสือเผ่น จรเข้ งูเห่า มังกร พญานาค รูปพ่อแก่ รูปกุมารทอง นางกวัก รูปยักษ์ ครุธ ปลัดขิก หรือสักเป็นรูปสัตว์มีพิษ เช่นตะขาบ แมงป่อง จักราศรี ลงคาถาอาคม ฝังตะกรุดบนร่างกาย สักน้ำมัน (ไม่มีรูปแต่สักลงบนผิวหนัง) ที่หนักสาหัสกว่าใคร คือการสักเป็นรูปหัวกระโหลก รูปผีบนร่างกาย


ธ. แอบทำสิ่งผิดกฏหมาย ชอบทำบางสิ่งที่แม้กฎหมายไม่ได้ห้ามแต่ผิดศีลธรรม หรือผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เช่นเป็นนักการศาสนาสอนคนอื่นให้ถวายสิบลดเข้ามามากๆ แต่ตัวเองและครอบครัวไม่ปฏิบัติ ให้สมาชิกถวายสิบลด แต่โบสถ์ไม่ถวายสิบลดให้แก่หน่วยงานที่ตนสังกัด รายงานยอดเงินเป็นเท็จ คิดว่าเป็นการซิกแซกทางการบริหารไม่เป็นไร ยักยอก โยกย้ายทรัพย์สมบัติของพระเจ้าไปเป็นของตนเอง คิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่อายฟ้าดิน ไม่อายพระเจ้า

ข้อพระธรรมหนุนใจ

ฮีบรู 12.15-17

จง ระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไปอย่าให้ใครเป็นคนลามก หรือเป็นคนผิดธัมมะเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ได้รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล

ยากอบ 2.18

แต่ บางคนจะกล่าวว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อแต่อีกคนหนึ่งมีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านที่ไม่มีการประพฤติตาม และด้วยการประพฤติตาม ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น แน่ะคนโฉดเขลา ท่านต้องการให้พิสูจน์หรือว่า ความเชื่อที่ไม่ประพฤติตามนั้นไร้ผล เมื่ออับราฮัมบิดาของเรา ได้พาอิศอัคบุตรของท่านมาถวายบนแท่นบูชา จึงได้ความชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ

คำว่า "ไม่เป็นไร" "นิดหน่อยเอง" "ยังมีเวลากับความบาป" "วันสิ้นโลกยังคงอีกนาน" ต่อการเล่นกับความบาป และพฤติกรรมเสี่ยง อาจใช้ไม่ได้กับคนที่ต้องการก้าวไปกับพระเยซูคริสต์ เพราะซาตานมันจับเหมือนหนวดปลาหมึก เมื่อหนวดที่หนึ่งมันเกี่ยวได้ มันจะเพียงพอแค่นั้น มันจะใช้หนวดอันอื่นเข้าช่วยเกาะช่วยเกี่ยว จนเหยื่อมันดิ้นไม่หลุด ใครที่หลงเพลินกับความเพลินเพลิด ความบาปเครือบน้ำตาล กล้บใจเสียเถอะก่อนที่จะสายเกินแก้ และต้องจ่ายราคาสำหรับค่าจ้างของความบาป ในโลกนี้คือควาามทุกข์ทรมาน การเจ็บป่วยทางจิตใจ และวิญญาณ ร่างกายป่วยใข้ สุขภาพเสื่อมโทรม โลกหน้าคือการถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกที่มีความร้อนสูงเพื่อทรมานแต่แม้แต่หนอน ก็ไม่ถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ความสุขจงเป็นของผู้ที่ได้อ่านบทความนี้และได้รับเอาไปพิจารณาใคร่ครวญ
 ชาวบ้านเวียตนามมาขอรับการรักษา
ด้วยฤทธิ์อำนาจในพระนามพระเยซูเจ้า
ในการไปหาประสบการณ์การปลดปล่อยในต่างแดนครั้งนี้ ก่อนถึงเมืองเว้ ทางรถยนต์ต้องผ่านเมืองชายแดนชื่อว่าเมืองเกซาน (Khe sanh) พวกเราได้พบกับพี่น้องชาวเวียตนามชนเผ่าบูลูที่เป็นคริสเตียน พวกเขาได้รับทราบข่าวที่เราฝากศิษย์ภิบาลคริสตจักรที่ เกซานไปบอก พวกเขาได้มาพบเราและรับฟังคำสอนและคำหนุนใจ หลังจากนั้นทีมของเราได้อธิษฐานเผื่อการป่วยของพวกเขา

ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องที่มาขอรับคำอธิษฐานทั้งหมดได้รับการรักษาให้หายโรคทุกคน ยกเว้นคนที่มีวิญญาณรบกวนหนึ่งคน   ที่เราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะอธิษฐานได้เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด เพราะเราต้องรีบเดินทางต่อไป  อย่างไรก็ตามเราก็ได้ฝากความหวังไว้ว่าหากชายคนนั้นยังไม่หาย เราจะกลับมาอธิษฐานเผื่อเขาอีกครังในการเดินทางเที่ยวหน้า ที่เราไม่ได้ทำการรักษาเขาเนื่องจาก การขับผีบางทีต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง และต้องได้รับการอนุญาตจากญาติของคนป่วยด้วยว่า อนุญาตให้เราทำการอธิษฐาน

เพราะการอธิษฐานเผื่อคนที่ถูกวิญญาณรบกวนจนกลายเป็นคนวิกลจริต ต้องถูกล่ามโซ่ไว้ในบ้านไม่ใช่การปลดปล่อยที่สามารถทำกันได้ง่ายๆ  และการรักษาของเราก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด บางครั้งเมื่อเราวิเคราะห์ดูแล้วว่า จะไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เราก็จะไม่ทำเพราะคนอาจจะคิดว่า เราไม่สามารถทำได้

แท้จริงแล้ว ไม่มีโรคใดๆ เลยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการอธิษฐานในพระนามพระเยซู  แม้แต่คนตายยังสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้  แต่เราจะทำในส่วนที่การเจิม และขนาดของฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้เราเท่านั้น  เรายังไม่เคยอธิษฐานให้คนง่อยเดินได้ เว้นแต่ เราอธิษฐานเผื่อโรคมะเร็ง  โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคไซนัส  การปวดทุกอย่าง การเจ็บในช่องท้อง เดินไม่สะดวก โรคเกี่ยวกับตา ตาบอด  ตาฟาง หูหนวก อย่างไรก็ตามเราไม่เคยปฏิเสธที่จะอธิษฐานขอให้คนป่วยทุกชนิดหาย เพราะพระเจ้าประทานการเจิมอย่างไม่จำกัดอยู่แล้ว แต่ความเชื่อของเรายังพัฒนาไม่ถึงขั้นวางมือให้คนตายฟื้นเท่านั้น


ประมวลภาพการปลดปล่อยจากต่างแดน A deliverance trip to Vietnam


   ภาพประทับใจจากการไปเวียตนามทริปปลดปล่อยครั้งที่สาม

ขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้เราได้ไปรับใช้ถึงเมืองเว้ คริสตจักรข่าวประเสริฐเว้ ประเทศเวียตนาม คริสตจักรได้ต้อนรับทีมของเราทั้งๆ ที่เกิดความผิดพลาดเกี่ยวกับการนัดหมายไว้ก่อน ตอนที่เราไปพบศิษยาภิบาล อาจารย์ท่านยังแสดงความแปลกใจที่จู่ๆ ก็มีคนเข้าไปแวะเยี่ยม แถบยังบอกว่าขอแบ่งปันประสบการณ์รักษาโรค  อาจารย์เขาไม่ได้จัดเตรียมอะไรไว้เลย และการประชุมก็ไม่สามารถจัดได้อย่างกระทันหัน พี่น้องก็ไม่ทราบ และคริสตจักรใหญ่เขามีระบบระเบียบ จะทำอะไรต้องมีพิธีรีตรอง



เมืิ่อเราไปถึง เราได้บอกจุดประสงค์และบรรยายสรุปเกี่ยวกับพันธกิจของเรา  ต่อพี่น้องคริสเตียนที่เว้ศิษยาภิบาลบอกว่า เอ้างี้ก็แล้วกัน หลังจากที่เราอธิษฐานตีห้าเสร็จเราจะเปิดโอกาสให้คุณเป็นพยานระหว่างที่ทีมผู้นำของเรามารับประทานน้ำชากันก็แล้วกัน ผมก็ได้โอกาสก็เป็นพยานหนุนใจว่า ที่เรามานี่เราแวะนำความปรารถนาดีของคริสตจักรในประเทศไทยมาเยี่ยม 

เราได้รับทราบว่า เวียตนามปกครองระบบคอมมิวนิส มีประชาการแปดสิบกว่าล้านคน มีคริสเตียนประมาณร้อยละเจ็ด แต่เป็นคริสเตียนแบบโปรแตสแตนท์ไม่กี่คน ในเมืองเว้ คริสตจักรที่เราไปมีคริสเตียนเหลืออยู่ไม่เกินสองร้อยคน  ทราบว่ามีคนโบสถ์จริงๆ แค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น  เราจึงอยากมาเยี่ยมหนุนใจ ศิษยาภิบาลก็บอกว่า คริสตจักรของเราเป็นแบบแบ๊ปติส  เราไม่ต้อนรับใครๆ ให้มาเทศนา หรือมาทำอะไรง่ายๆ แต่เนื่องจากเรามาไกล ศิษยาภิบาลจึงเปิดโอกาสให้เรามาร่วมสังเกตการอธิษฐานในตอนเช้า ตีห้าถึงหกโมง เพียง 1 วันเท่านั้น 

อย่างไรก็ตามเมื่อผมนำเสนอความคิด และบอกวัตถุประสงค์การมาให้พี่น้องที่ร่วมโต๊ะชาด้วยกันในเช้าวันนั้น  หลังจากที่เราพูดไปไม่กี่คำ ก็มีพี่น้องบางเดินมาหาเราอย่างสนใจ
ผูหญิงคนหนึ่งเป็นภรรยาเจ้าของร้านขายนาฬิกาชื่อว่า คุุณ เฮือง (ชื่อแม่น้ำสำคัญหลักของเมืองเว้)
เธอพูดเป็นภาษาอังกฤษ กับผมแบบกระท่อนกระแท่น ผมจับใจความได้ว่าดังนี้

"อาจารย์ค่ะ ดิฉันมีโรคประจำตัวหลายอย่างค่ะ ดิฉันเป็นไมเกรนมา มากกว่าสิบปี นอนไม่หลับ ปวดแขนขวา  ปวดหลัง และปวดที่ปลายเท้าทั้งสองข้างค่ะ"

มีผู้ชายอีกคนหนึ่งก็มาหาพบ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงเวียตนามปร่อเชียว บอกว่า

"พาสเตอร์ ผมติดสุรามาสี่สิบกว่าปีแล้วผมอยากเลิก และผมก็ไม่ค่อยสบายเป็นหลายโรคเลย"

ต่อจากนี้ก็มีอีกสองสามคนแสดงความต้องการให้เราอธิษฐานเผื่ออาการเจ็บป่วยต่างๆ

เมื่อเป็นดังนี้ ศิษยาภิบาลก็เลยบอกว่า
"เอ้างี้ก็แล้วกัน ให้พวกที่ต้องการรับการอธิษฐานเข้าไปรวมตัวกันในโบสถ์  แล้วให้อาจารย์อธิษฐานเผื่อ"

ผมก็เลยบอกว่า
"อาจารย์ใหญ่ครับ หากจะให้ผมอธิษฐานให้หายเลยนี่มันยากนา เพราะผมไม่ใช่ผู้วิเศษ ผมต้องขอให้พระเยซูรักษานา แล้วถ้าพี่น้องต้องการหายจริงๆ ต้องฟังคำสอนของผมก่อน"

ศิษยาภิบาลก็เเลยอนุญาตให้ผมเปิดสัมมนาเอนเคาเตอร์แบบไทยๆ ที่ผมปรับปรุงหลักสูตรมาจาก คริสตจักรปีเตอร์เชม มลรัฐซีดนีย์ ประเทศออสเตรเลียเสียเลย

ผมสอนตั้งแต่ 8.30 จนถึงเวลาประมาณ 13.30 น. ปรกกฎว่าพี่น้องได้รับการชูใจ หายป่วยหายใข้คิดว่าน่าจะ 99 เปอร์เซนต์ เพราะพวกเขาเปิดใจให้พระเจ้ามากเหลือเกิน พี่น้องคืนดีกับพระเจ้าและได้รับการเยียวยาอย่างอัศจรรย์ ขอบคุณพระเจ้า

ผู้หญิงท่านนี้ได้รับการปลดปล่อยมากกว่าใคร และได้สามีสุดที่รักคืนดีกันด้วย
เธอป่วยสารพัดโรค ปวดหัวไมเกรน ปวดแขน นอนไม่หลับ ปวดปลายเท้า
เมื่อปรากฎว่า การเกิดการหายโรคขึ้นหลายราย ศิษยาภิบาลและคณะกรรมการคริสตจักรจึงขอให้เราอยู่ต่ออีก 1 วัน

ยังมีต่อ
ภาพการนมัสการตามบ้านของคริสเตียนลาว



      สภาพวิถีชีวิตคนท้องถิ่นชายแดนเวียตนาม


       สภาพโฮมเชิร์ทของคริสเตียนชายแดนลาว-เวียตนาม

การบำบัดเยียวยาและรักษา นำความปลื้มปิติมาสู่คริสตจักรข่าวประเสริฐเว้ ประเทศเวียตนาม อย่างมากมาย พี่น้องคืนดีกับพระเจ้า คนติดเหล้า 40 ปีเลิกได้
คนเป็นโรคนอนไม่หลับ หายป่วยนอนหลับสบาย
คนเป็นโรคไซนัส ปวดหัวซีกเดียว หายทันที
คนเป็นโรคโลหิตตก หามออกจากโรงพยาบาล มารับการอธิษฐานหายทันที
ขอบคุณพระเจ้า นี่คือสิ่งที่เหลือเชื่อที่ยังมีอยู่ในโลกยุคติจิตอล
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แล้วแต่ใคร
ใครเชื่อก็รับเอา ใครไม่เชื่อก็เชิญตามสบาย
ไปหาหมอเสียเงิน ไปหาผีเสียสุขภาพ ไปหาคนทรงโดนซ้ำ



ลองมาหาพระเยซูดูซิ แล้วคุณจะหายดี ไม่เคยเชื่อก็ต้องลองดูแล้ว
นี่คือพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่ส่งผ่านมาทางผู้รับใช้ของพระเจ้าสายฆราวาส
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ พระเยซูไม่ได้ทำการอัศจรรย์ผ่านทางเสื้อครุยของนักการศาสนาเท่านั้น

ขอพระเจ้าอวยพรทุกคนที่เปิดมาเจอ

Evangelist Rice

รวมคลิปคำพยานการหายโรคจากต่างแดน Some testimonial clips from Vietnam

การเป็นนักประกาศข่าวประเสริฐ เราต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล หากเราไม่กล้าออกไป มัวแต่กลัวคงไม่ได้เห็นการอัศจรรย์ ไม่เห็นพระคุณพระเจ้า ผมจึงพยายามออกไปอวยพรพี่น้องชาวต่างแดนบ้าง ในการเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งที่สามของผมเอง ผมไปลาวและเวียตนาม จุดประสงค์เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในการรับใช้ และหนุนใจผู้รับใช้ของพระเจ้า และคริสเตียนให้หันกลับมาคืนดีกับพระเจ้า และหันหลังจากบาป


วีดีโอคลิปสั้นๆ นี้คงช่วยหนุนใจพี่น้องที่มีความเชื่อให้รู้ว่า การอัศจรรย์ยังมีอยู่จริง การหายโรคยังมีอยู่จริง คนที่หายโรค เขาได้รับการสัมผัสด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ทำให้พวกเขาหายดีกันทุกๆ คน



ผมต้องขอโทษอาจารย์ใหญ่ทั้งหลายด้วย ที่เวลาผมออกเทศนาผมไม่ได้เอาวัฒนธรรมการแต่งกายของนักการศาสนาชาวไทยไปเผยแพร่ด้วย ผมชอบใส่เสื้อลาย แต่งตัวสบายๆ และเวลาผมอธิษฐานผมก็ไม่ต้องทำพิธีนมัสการให้มันมีขั้น มีตอนอะไรสักอย่าง ผมต้องรีบสอน รีบอธิษฐาน เพราะหากผมทำช้าๆ หรือยืดยาดผมอาจถูกตำรวจลับจับตัวไปกัก และเรียกค่าปล่อยตัวอะไรบ้างอย่าง
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ผมปลอดภัยดีเสมอมา และขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ขอบคุณพระเจ้า

จำยอมรับเชื่อเพราะถูกท้าทาย(1)A Challenge to surrender to Jesus.

 เมื่อคุณป้าพันธ์ ได้รับการปลดปล่อยจากอาการปวดแข้งซ้าย


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพื่อขอบคุณพระเยซูเจ้า
       ผมเพิ่งกลับจากการไปอธิษฐานปลดปล่อยผู้เจ็บป่วยและคนที่ได้รับการทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยที่ประเทศเวียตนาม ขากลับผมแวะไปเยี่ยมครอบครัวคุณหนุ่ม สมาชิกใหม่ของกลุ่ม เฟซบุ๊ค IDMC ผมได้อธิษฐานอวยพร คุณป้าพัน แกอยู่ที่ บ้านกุดบาด อำเภอกุดบาด จังหวัดสกลนคร ผมเดินทางไกลหลายชั่วโมงเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวแห่งความเชื่อนี้ เพื่อหนุนใจให้เขาเข้มแข็งในความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าขอบคุณพี่น้องและกลุ่มผู้เชื่อที่ กุดบาด ขอให้ท่านเดินต่อไปอย่างมั่นคงกับพระเยซูคริสต์

เนื่องจากมีชายคนหนึ่ง ชื่อว่า คุณหนุ่มได้แวะเข้ามาอ่านเว็บบล็อคนี้เมื่อไม่นานมานี้  คุณหนุ่มได้เชิญให้ผมแวะไปอวยพร ครอบครัวและทีมงานที่กำลังจะจัดตั้งเป็นโฮมเชิร์ท อีกแห่งหนึ่ง ที่อำเภอกุดบาด 



ก่อนการประชุมนมัสการพระเจ้า ผมได้พบกับป้าคนในรูปด้านบนนี้ แกชื่อว่า ป้าพัน  แกยังไม่ได้รับเชื่อพระเยซู ผมได้พูดคุยและท้าทายป้าพันว่า ที่ป้าพันเจ็บแข็งเจ็บขา ได้รับความทรมานจากอาการนี้มานานพอควร แกกินยาทายาแล้วยังไม่หายดี หากพระเยซูช่วยรักษาให้หายผ่านการอธิษฐานของผม ป้าจะยอมรับพระเจ้าอย่างถาวรหรือไม่  ป้าพันลังเล ไตร่ตรองอยู่นานหลายนาที ในที่สุดแกก็ยอมรับการท้าทายของผม 

เยเย้(ลูกสาว) และผมช่วยกันอธิษฐานวางมือ ป้าพันก็ได้รับการรักษาในทันที แกดีใจที่ได้รับรู้ว่า มีพระที่สามารถช่วยแกได้จริง ผมจึงขอถ่ายภาพของป้าไว้ เพื่อนำมาหนุนใจคนป่วยที่ต้องการการรักษาด้วยคำอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ ว่า พระเยซูคริสต์คือพระเจ้าที่เป็นอยู่และสามารถช่วยทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ  จริงใจ และมีสัจจะ 

การรักษาให้หายขาด คือความต้องการของผู้ป่วยทุกคน การหายโรคแบบนี้หาก คนป่วยไม่ยอมรับเชื่อพระเยซูอย่างถาวร  พอหายแล้วก็กลับไปกราบไหว้ ผี และวิญญาณที่สิ่งสู่ในที่ต่างๆ  คนป่วยก็จะกลับมาเป็นอีกอย่างแน่นอน แต่ถ้าคนใดเชื่อพระเยซูอย่างแท้จริง มีสัจจะ เลิกกราบไหว้วิญญาณ เขาก็จะหายขาดอย่างแน่นอน 

ดังนั้นหากคนใดที่ได้รับการอธิษฐานอวยพรในพระนามพระเยซูแล้วหายดี  หากท่านอยากหายดีตลอดไป วิธีเดียวที่ท่านจะมีสุขภาพดีและหายขาด คือให้หันกลับมาหาพระเจ้าและกลับใจใหม่อย่างแท้จริง

กลับไปหน้าแรก Home

จำยอมรับเชื่อเพราะถูกท้าทาย(2)A Challenge to surrender to Jesus.


คุณยายผู้มีชื่อว่า "ยา" ได้รับการรักษาให้หายจากอาการตาฟาง

หลังจากที่ผมได้อธิษฐานเผื่อป้าพันไปแล้ว ผมก็ได้สอนเกี่ยวกับเงื่อนไขในการรับการรักษาอย่างอัศจรรย์ด้วยฤทธิ์เดชของพระนามพระเยซูคริสต์  คุณยายคนนี้ แกบอกผมว่า แกเคยได้ยินเรื่องพระเยซูมาบ้างแล้ว แกบอกว่าพระเยซูคือพระที่ถูกเขาเอาตะปูตอกติดไม้กางเขนและทรมานจนตาย  ยายยาเพียงแต่เคยได้ยินเท่านั้นแต่ไม่เคยเปิดใจรับเชื่อพระเยซู  ผมจึงท้าทายคุณยายว่า

"คุณยายครับ ตอนนี้ยายกราบไหว้อะไรเป็นรูปเคารพประจำตัวหรือเปล่า"
คุณยายตอบว่า " มีค่ะ ฉันมีรูปเคารพประจำวันเกิด อยู่อันหนึ่ง"

ผมถามรุกต่อไปว่า "ยายครับ  รูปเคารพที่ยายกราบไหว้มานานนั้นถ้ามันเป็นพระเจ้าที่แท้จริงยายคงไม่ต้องทุกข์ทรมาน แถบยังเป็นโรคตาฟางมองอะไรก็เห็นไม่ชัดเจนอย่างนี้นะ"


"คุณยายกราบไหว้รูปเคารพนี้มานานหรือยัง" ผมถามต่อ

" โอย ฉันกราบไหว้บูชามานานตั้งแต่ตอนฉันเป็นสาวน้อยแล้ว" คุณยายตอบ

ผมจึงสืบความต่อว่า "คุณยายครับ  อาการตาฟางของยายนี่มันเป็นอย่างไร"

คุณยายตอบว่า

" ฉันต้องรีบทำอาหารและทานอาหารให้เสร็จก่อนสามโมงเย็น เพราะตอนค่ำฉันจะมองอะไรไม่ค่อยเห็น ถ้าเห็นก็เป็นเพียงเงารางๆ ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน"

ผมจึงพูดท้าทายคุณยาย ยา ต่อไปว่า


"หากผมอธิษฐานขอพระเยซูเจ้าช่วยแล้วคุณยายหายดี คุณยายจะยอมรับพระเยซูเป็นพระเจ้าประจำตัวตลอดไปได้ไหม คือแบบว่า ต้องมีสัจจะคือคำไหนคำนั้นเลย คุณยายจะยอมไหม"

คุณยายลังเลอยู่นานหลายนาทีและตอบว่า

"ไหว้ทั้งสองอย่างไม่ได้หรือจ๊ะ"

ผมตอบว่า

"โอ้ คุณยายครับ คนทั่วไป, ตามความเชื่อของคนทั่วไป เขาไม่แคร์ว่าจะมีพระกี่องค์ จะมีรูปเคารพกี่องค์ บางคนอาจมีเป็นสิบ เป็นร้อย แล้วแต่กำลังทรัพย์  กำลังศรัทธา แต่ถ้าคุณยายยอมรับพระเยซูเพียงองค์เดียวก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว เพราะพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่ไม่ได้ถูกสร้างด้วยมือมนุษย์ หรือเกิดจากการจินตนาการของมนุษย์ พระเยซูเป็นพระเจ้าที่ไม่ชอบอยู่กับรูปเคารพ เป็นพระเจ้าที่หึงหวง เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ เคลื่อนไหว พระองค์ไม่ต้องการให้คนที่เชื่อพระองค์ไปกราบไหว้สิ่งอื่น"

"คุณยายชอบผู้ชายที่มีหลายเมียไหมครับ มีผู้หญิงดีๆ คนไหนบ้างที่อยากจะให้สามีเอาเมียน้อยเข้าบ้าน และมีเมียน้อยมากๆ  เช่นเดียวกันครับ พระเยซูคือพระเจ้าที่ต้องการให้เราเป็นเหมือนสามีเดียว, ภรรยาเดียว ไม่สำส่อนทางเพศ ไม่นอกใจ รักเดียวใจเดียว เพราะพระเยซูคือพระเจ้าแท้ ไม่ใช่ของเทียม"

"ผมขอท้าทายคุณยายนะครับ หากว่าคุณยายเปิดใจให้พระเยซูวันนี้ หากคุณยายหายแล้ว และอยากหายตลอดไป ผมขอแลกเปลี่ยนบางอย่างกับคุณยายได้ไหมครับ คือ ขอให้คุณยายเลิกกราบไหว้รูปเคารพประจำวันเกิดเสีย แล้วหันมาร่วมกับคริสเตียนคนอื่น เรียนรู้เรื่องพระเยซูร่วมกับพี่น้องคนอื่นๆ "

คุณยายยาเปิดใจยอมรับพระเยซู และเมื่อผมได้อธิษฐานเผื่อคุณยาย คุณยายยามีอาการดีขึ้น คุณยายสามารถมองเห็นลายมือของตนเองได้ดีขึ้นมาก และคุณยายได้ละทิ้งสิ่งที่นับถือมานานหลายสิบปี หันมากราบไหว้ นับถือพระเยซูคริสต์เพียงพระองค์เดียว

ทำไมผมต้องขอให้คนที่รับการรักษาเลิกกราบไหว้วิญญาณต่างๆ และรูปเคารพ เพราะว่าการกราบไหว้สิ่งที่มือมนุษย์ทำขึ้นมันผิดหลักการของพระเจ้า เพราะในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าที่หวงแหน

คนที่รับเชื่อพระเยซู เมื่อรับการรักษาแล้ว หากไม่เลิกกราบไหว้วิญญาณอื่น ไม่นานเขาก็จะกลับมาเป็นโรคที่เคยเป็นอีก อาการป่วย อาการปวดต่างๆ จะกลับคืนมาหาเขาอย่างเดิม  นั่นคือสาเหตุว่าทำไป ผมต้องบอกความจริงนี้แก่ทุกคนที่มาขอรับการอธิษฐานอวยพร

ในประเทศไทยมีการประกาศเผยแพร่ความเชื่อเรื่องพระเยซูคริสต์อย่างมากมาย  มิชชั่นนารีบางคนลงทุนเป็นล้านบาทในการรวบรวมคนให้มาฟังเรื่องพระเยซู และรับการรักษาให้หายโรคด้วยคำอธิษฐานแต่สิ่งที่เราได้พบครั้งแล้วครั้งเล่าคือ คนจะรับเชื่อพระเยซูเพียงชั่วคราว เพื่อขอรับการรักษาโรคให้หายโรคเท่านั้น หลังจากที่เขาหายดีแล้ว พวกเขาก็จะกลับไปอยู่ในความเชื่อเดิม ไปกราบไหว้วิญญาณ และรูปเคารพเหมือนเดิม ไม่นานพวกเขาก็พบกว่าโรคภัยและอาการป่วย อาการปวดต่างๆ ทยอยกันกลับมาหาเขา บางคนยังป่วยมากกว่าเดิมอีกด้วย

หลายคนได้รับการปลดปล่อยจากความเจ็บป่วย หรือถูกวิญญาณสิงสู่มากมาย บางคนดีใจที่ได้รู้จักพระเยซู ดีใจที่พระเจ้าดีมาช่วย  เมื่อกลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์ อยากจะติดตามความเชื่อแบบคริสเตียน แต่เนื่องจากเขาไม่เข้มแข็งพอที่จะเดินในทางสายใหม่นี้

หลายคนจึงเปรียบเป็นแค่ต้นกล้าที่ปลูกบนดินปนหินยังไม่พอ แต่ยังถูกปกคลุมด้วยพุ่มต้นหนามใหญ่  ไม่นานก็แห้งเหี่ยวไป  เมื่อถูกปกคลุมด้วยวัฒนธรรมและความเชื่อท้องถิ่นที่นิยมการบูชาวิญญาณบรรพบุรุธ  การไหว้รูปเคารพเป็นพันๆ ชื่อ  เครือญาติและครอบครัวจะกีดกันไม่ให้คนในครอบครัวมาเชื่อพระเจ้าได้ง่ายๆ  การถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมการนมัสการ  การสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อคนอื่น   ผู้เชื่อใหม่ที่ไม่ได้มาโบสถ์จึงไม่ได้รับการเลี้ยงดูด้านจิตวิญญาณ ไม่ได้รับอาหารทางจิต จึงเป็นเพียงต้นกล้าขาดน้ำที่แห้งเหี่ยวรอวันตายเท่านั้น จึงไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยใหม่  หรือรับสันติสุขจากพระเจ้าได้เท่าที่ควรจะเป็น

ดังนั้นเราจึงพบว่า ผู้เชื่อจำนวนเป็นพันๆ หลงหายไปสู่ทางเดิม ความเชื่อเดิมๆ เพราะวัฒนธรรมและกลไลการปกครอง ระบอบการปกครองท้องถิ่นของไทย ได้กีดกันทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ให้คนสามารถเดินไปในวิถีความเชื่อแบบคริสเตียนได้ง่ายๆ  คนที่สามารถติดตามพระเยซูจริง จึงมีแค่คนที่ถูกเลือกมาจริงๆ และมีปริมาณเพียงไม่กี่คนเท่านั้น  เพราะการติดตามไม้กางเขน คือเส้นทางแห่งความลำบากและขวากหนาม ยากนักที่ใครๆ จะสามารถเดินตามไปได้โดยไม่ยอมเสียอะไรเลย

วิธีการกีดกันคนในครอบครัวไม่ให้มาเชื่อพระเยซูแบบทุ่มเทคือ การด่า การเสียดสีด้วยคำพูดของคนในครอบครัว เครือญาติ  พวกเขาจะกล่าวหาว่าโง่  ถูกหลอก  ทรยศต่อครอบครัว อกตัญญูต่อครอบครัว พ่อแม่จะลดหรือยกเลิกผลประโยชน์หรือสิ่งใดๆ ที่สมาชิกในครอบครัวจะได้รับ ญาติจะพากันรุมจิกรุมด่า รุมเกลี้ยกล่อมจนยอมถอนตัวจากการติดตามพระเยซู  เพราะการติดตามทางแห่งความรอดบาปนี้มันไม่ง่าย มันต้องฝืนธรรมชาติบาปที่มีอยู่ในตัวคนทุกคนอยู่แล้ว  ต้องทนเหนื่อยล้า บางคนความยินดีตอนที่ได้รับการปลดปล่อย ได้รับการรักษาจากพระเจ้าถูกลบเลือนหายไปจนหมด บางคนกลายเป็นคนตายด้าน กลายเป็นทาสของนิสัยบาป  ต้องทุกข์ทรมานด้วยโรคภัย และภัยพิบัติต่างๆ ตลอดชีวิต ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด ไม่มีวันได้พบกับสันติสุขที่แท้จริงอีกเลย 

ในด้านสังคม  ชุมชนจะไม่ให้คนเชื่อพระเยซูสามารถฝังศพหรือทำพิธีศพในสุสานของหมู่บ้าน  ในบางชุมชนในชนบท  หากมีการเก็บเงินบำรุงศาสนสถาน มีการเกณฑ์แรงงานในวันอาทิตย์ หากคนที่เชื่อพระเยซูไม่ให้ ไม่ไปร่วมจะถูกตราหน้า และถูกบีบ ถูกกีดกันไม่ให้เข้ารับสวัสดิการของชุมชน ถูกโดดเดี่ยว ถูกนินทาว่าร้าย  หาว่าเป็นแก่เงิน เห็นแก่ผลประโยชน์ที่คริสเตียนบางพวกประกาศศาสนาด้วยการเอาผลประโยชน์ เอาของไปแจกให้ฟรี

ในด้านกลุ่มคริสเตียน  หากมีผู้เชื่อคนใดที่เติบโตขึ้นในความเชื่อ  หากอยากจะออกไปประกาศข่าวประเสริฐ  อยากจะเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า พวกเขาจะถูกกีดกันไม่ให้ทำ ไม่ให้ใช้งบประมาณของโบสถ์  จะมีคนคอยพูดเสียดสีหาว่าเป็นลัทธิ เป็นพวกเพี้ยน  แต่ในทางกลับกันหากคนใดเป็นผู้เชื่อธรรมดา ไม่ต้องการเคลื่อนไหวในการประกาศ ในการอธิษฐานพวกเขาจะอยู่อย่างสบายๆ ไม่มีใครขัดขวาง ไม่มีเรื่องเดือลร้อน  เพราะศาสนาต้องการให้คนเป็นเพียงนักบริจาค  นักนั่งฟัง  เป็นเหมือนลูกแกะอ่อนที่ต้องกินน้ำนมอ่อนๆ หวานๆ ไปจนวันตาย 

ผมคิดว่าน่าจะมีคริสเตียนเป็นพันๆ คนในประเทศไทย ที่ตั้งแต่เขารับเชื่อพระเยซูยังไม่สามารถนำคนมาหาพระเจ้าเกินสามคนในชั่วชีวิตของเขา ด้วยเรื่องนี้  ผมคิดว่าคริสเตียนไทยต้องกลับมาหาฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอย่างเร่งด่วนที่สุด  ผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อจะต้องเร่งสร้างผู้เชื่อที่เข้มแข็งที่สามารถใช้สิทธิ์อำนาจของพระเจ้าได้ ผู้นำสร้างผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นมาให้ได้  คือต้องสร้างคนให้เป็นสาวก มากกว่าการพาคนมาเชื่อศาสนาคริสต์เพื่อให้เป็นสมาชิก  ที่นั่งฟังเป็นปีๆ แต่ยังไม่เกิดผลเท่าที่ควรให้ได้

เพราะสมาชิกธรรมดาไม่สามารถจะก้าวไปสู่ผู้เชื่อที่มีสิทธิอำนาจของพระเจ้าได้ง่ายนัก  เพราะระบบความเชื่อคริสเตียนของคนไทย ยังไม่ไปถึงจุดแห่งการสร้างสาวกพระคริสต์ เพราะระบบการสร้างคนของคริสตจักรยังไม่มีประสิทธิภาพ  อาจมีแผนการทำงานอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแผนการเพื่อของบประมาณเท่านััน ไม่ได้เป็นแผนที่มีประสิทธิผลมากนัก  ที่เห็นอยู่ในศาสนสถานของชาวคริสต์ทั่วไป พฤติกรรมที่แสดงออกเป็นเพียงแค่การสร้างคนให้มาร่วมคริสตจักรเท่านั้น  และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าปรับปรุงมากที่สุดในประเทศไทย

คริสเตียนไทยที่เชื่อพระเจ้าอย่างแท้จริงเป็นหมื่นๆ คนยังไม่เคยสัมผัสกับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า หลายคนเชื่อพระเจ้าเพราะพระเจ้าตอบคำอธิษฐานบางอย่าง พระเจ้าช่วยบางอย่าง จำนวนไม่น้อยเป็นคิสตาม  คือเป็นตามพ่อแม่ แต่ไม่กลับใจ  ไม่อ่านพระคัมภีร์  ไม่รู้จักพระเจ้าดีพอ  บางคนไปโบสถ์เป็นประจำแต่พวกเขายังไม่ได้รับฤทธิ์เดชแห่งการเป็นพยาน เนื่องจากระบบการสอนของคริสเตียนเน้นแต่การเรียนตามทฤษฏี และหลักข้อเชื่อมากกว่าการพาผู้เชื่อออกไปหาประสบการณ์ด้านการประกาศด้วยสิทธิ์อำนาจ 

คริสเตียนหลายกลุ่มปฏิเสธฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า มีอาจารย์นักเทศน์หลายคนที่เทศนาเก่ง ไปที่ไหนคนฮากันตรึม การจะเชิญไปเทศนาต้องมีคิวนานๆ ติดต่อกันเป็นหลายเดือน  บางคนเขียนหนังสือขาย แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์อำนาจทางวิญญาณ ไม่มีการเจิมของพระเจ้า พวกเขาไม่ค่อยได้ขับผี ไม่ได้วางมือให้คนหายโรคในทันที พวกเขาอ้างว่าของประทานไม่มี พวกเขาจึงเป็นแค่นักสอน นักทฤษฎีเท่านั้น

ผมเองเคยหลงอ่านหนังสือของอาจารย์ดังๆ ในเมืองไทยบางคนที่เป็นเกจิในด้านศาสนศาสตร์ รู้สึกชื่นชมในภูมรู้ และข้อมูลการสืบค้น การแปลภาษาที่สละสลวยของท่าน แต่ต่อมาพบว่า พวกเขาเป็นแค่นักเล่านิทาน นักสอนให้คำทำดี ยึดมั่นหลักการความเชื่อของพรรค เลือกเชื่อพระเจ้าเฉพาะในสิ่งที่กลุ่มของพวกเขาเอามาเขียน มากกว่าการเชื่อพระคัมภีร์ทั้งเล่ม  ประกาศด้วยการแจกของ แจกทุน ให้ผลประโยชน์  บางคนสอนให้คนกลัวพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้อยู่เฉยๆ ต่างๆคนต่างอยู่กับผี  มาวันนี้ผมได้พบกว่า ผมต้องเอาหนังสือของพวกเขาไปทิ้ง  เมื่อผมไปร้านหนังสือคริสเตียน  หนังสือบางเล่มพอเห็นชื่อ  ชื่อหนังสือดูดีมาก แต่พอเห็นชื่อคนแต่ง  ถ้าให้ฟรีๆ ผมยังไม่รับเอามาอ่านให้รกสมอง เพราะมันสอนแต่เรื่องวิธีการเป็นคนดีเท่านั้นไม่ได้สอนให้รู้จักสิทธิ์อำนาจและของประทานของพระเจ้า สอนแบบศรีธนนชัย เลี่ยงบาลีเก่ง อวดภูมิรู้ ยะโสและบ้าอำนาจ

นักเทศน์นักสอนหลายคนในจำนวนนี้ไม่ได้ดีไปกว่าคนไม่รู้จักพระเจ้าอย่างอาจารย์จตุพล ชมพูนุช นักพูดฝีปากเอกเลย พวกเขาเป็นแค่นักพูดเดินสายขายความคิดและหลักศาสนศาสตร์เท่านั้น พวกเขาทำการอัศจรรย์ในพระนามพระเยซูไม่เป็น บางคนสอนไปว่า การอัศจรรย์ไม่มีแล้ว ผีไม่มีในคริสเตียน โบสถ์คริสต์ไม่มีผีอยู่ พระวิญญาณบริสุทธฺ์ไม่มีการบัพติสมาใครอีกแล้ว นอกจากสาวกร้อยยี่สิบคนของพระเยซูในวันเพนเตคอส  พวกเขาสอนวิธีการรับศีลบัพติสมาตามแบบที่พวกเขาชอบ ตามความสบาย ความสะดวก พวกเขาชอบถกเถียงกันว่า พิธีของใครศักดิ์สิทธิกว่า ใช้น้ำแบบจุ่มหรือ แบบเอาทาหน้าผา

แทนที่พวกเขาจะแสวงหาพระเจ้าและกลับใจใหม่ เริ่มสอนในสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น  สอนให้คนแสวงของประทานฝ่ายวิญญาณที่เป็นเหมือนศาสตราวุธที่คริสตจักรต้องมี เช่นการสังเกตวิญญาณ การเผยพระวจนะ การวางมือรักษาโรค อัครทูต ครู อาจารย์ ผู้ประกาศเผยแพร่ เพื่อเอาไปต่อสู้กับวิญญาณต่างๆ ที่สิงสู่ในคน ในผู้เชื่อที่อ่อนแอ  ในคณะกรรมการปกครองที่เป็นทาสบาป  แต่พวกเขากลับมอบอำนาจการปกครอง คริสตจักรให้อยู่ในรูปของประชาธิปไตย คือการเลือกตั้งกรรมการ  การจัดสรรโคว์ต้า โบสถ์หลายแห่งการมอบอำนาจการบริหารให้กับศิษยาภิบาลเพียงคนเดียว โดยไม่มีผู้ใช้ของประทานอื่นได้รับค่าตอบแทนใดๆ เลย  หลายแห่งจ้างผู้รับใช้ไม่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิก และจ้างนักการศาสนาด้วยค่าตอบแทนที่ถูกแสนถูก  บางแห่งพวกเขาจ้างนักการศาสนาให้เป็นเพียงนักพิธีกรรม ผู้ประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ ในยามที่พวกเขาจะขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน งานศพ และพิธีกรรมต่างๆ เท่านั้น

คริสเตียนเป็นพันๆ คนไม่เคยรู้ว่า ผู้เชื่อพระเยซูในประเทศอื่น หรือประเทศลาวเดี๋ยวนี้มีจำนวนเท่าไหร่  คริสเตียนในสมัยก่อน และปัจจุบันต้องได้รับการข่มเหงอะไรบ้าง  ปัจจุบันการข่มเหงยังมีอยู่ทั่วไป บางประเทศเช่นประเทศลาว คริสเตียนที่ลาวต้องทุกข์ทรมานสาหัสในการที่พวกเขาจะประกาศตนว่าเป็นคริสเตียน พวกเขาต้องเสียสิทธิมากมายในการรับเชื่อพระเยซู ผิดกับคริสเตียนไทยบางส่วนที่ชอบอยู่อย่างสบายๆ เป้นทองไม่รู้ร้อน ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร บางคนปีๆ หนึ่งนำคนมาเชื่อคนเดียวก็ยังไม่ได้ อาจารย์หลายคนก็มีสปอนเซอร์ดี มีองค์กรที่มีทุนหนาก็สบายไป ทำงานตามแบบแผนของระบบ ไม่ต้องคิดมาก

แต่หากมีใครสักคนที่อย่างจะพาคนให้ไปสู่ระดับความเชื่อที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคนานัปการต้องถอย  ต้องหยุดอยู่กับที่ ย้ำเท้าที่เดิม นักการศาสนาหลายคนต้องจำใจ สอนแต่หลักศาสนศาสตร์ตื้นๆ ซ้ำไปซ้ำมาปีแล้วปีเล่า  พวกเขามองไปทางไหนก็มีแต่คริสเตียนเป็นทาสบาป  คนไม่กลับใจจริงก็สามารถเป็นเจ้าอธิการได้ เป็นอะไรก็ได้ถ้ามีเส้นมีสาย มีครอบครัว ตระกุลหนุนยัน  นักเทศน์ไม่กล้าผ่าตัดเนื้อเน่า เนื้อร้าย จำใจต้องพูดหวานๆ เทศนาประเล้าประโลมใจ  แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ หากจะสอนให้หนักๆ และเอาจริงเอาจังนักการศาสนาหลายๆ คนก็ต้องย้ายบ้านบ่อยๆ บางคนย้ายบ้านบ่อยจนเข็ด ในที่สุดก็ยอมละทิ้งอุดมการณ์กลายเป็นเพียงนักการศาสนพิธีเท่านั้น

ถึงเวลาหรือยังที่คริสเตียนจะกลับมาแสวงหาฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าจริงๆ  เลิกบาปจริงๆ กลับใจจริงๆ หันมาพระเยซูคริสต์ผู้พิชิตความตาย  ร่วมใจกันประกาศพระนามอย่างเอาจริงเอาจัง  วันอีสเตอร์น่าจะไม่ใช่วันหาไข่ ไม่ใช่เป็นวันชุมนุมพบญาติผู้ล่วงลับ  ไม่ใช่วันรำลึกข้อพระธรรมเกี่ยวอุโมงค์ศพที่ว่างเปล่า ไม่ใช่วันเทศนาเกี่ยวกับเส้นทางไปเอมมาอูสอีกแล้ว แต่เป็นวันที่คริสตชนพากันออกไปเดินที่ลานเมือง ที่ถนนในเมือง   ในชุมชนเพื่อประกาศให้สาธารณชนรู้ว่า พระเยซูคือพระเจ้าที่พิชิตความตาย  เป็นพระเจ้าผู้เป็นอยู่ เป็นพระเจ้าที่สามารถทำการอัศจรรย์ผ่านมือของคริสเตียนผู้เชื่อแท้ทุกๆ คน ไม่ใช่เฉพาะนายมัทธิว ชาวอินเดีย นายยองกีโช ชาวเกาหลี นายเรนฮาร์ด บองเก้ ชาวเยอรมัน หรือนายเฮนดรี้ มาดาวา จากยูเครน แต่พระเยซูเจ้าสามารถทำการอัศจรรย์ผ่านใครที่มีชื่อไทยเช่นๆ  นายนิกร นายธวัช นายธงชัย นายสีทอง อาจารย์เหม็น นายบุญรัตน์ นางบุญมา นายดำ นายแดง  นาย ก.ไก่ นางแจ๋ว ป้าสุข ป้าคำ ฯลฯ นางหรือนายอะไรๆ ที่ชื่อเป็นคนไทย

ถ้าครั้งใดที่ผู้นำด้านจิตวิญญาณชาวคริสต์ออกไปเทศนาเขาก็สามารถวางมือคนให้หายป่วย หายใข้ ถ้าเป็นดังนี้ ไม่นานเราจะเห็นคนเป็นล้านๆ มาเชื่อพระเยซูคริสต์ เพื่อรับการยกบาปอย่างแท้จริง

อาเมน ขอพระเยซูเจ้าอวยพรประเทศไทย

บันทึกผู้กล้า> เชื่อแล้วรับการปลดปล่อย Memorandum of a brave woman who comes to pray for deliverance



นี่คงเป็นบันทึกที่คงจะช่วยให้หลายๆ คน  ทั้งที่รู้จักพระเยซู คนไหว้เจ้า คนไหว้ต้นไม้ คนไหว้เทพ คนไหว้มังกร  และคนไม่เคยเชื่อพระเจ้าองค์ใดเลย มาอ่านแล้ว อาจเลียนแบบความกล้าหาญของน้องคนนี้ 
แต่ก่อนที่ท่านจะได้อ่าน ผมก็ขอให้อ่านจดหมายอีเมล์ของคนที่อ่านบล็อคของผมแล้วอยากหายบ้าง เขาว่าดังนี้
............................................................
From: tarpxxxx @hotmail.com
To: reewat@hotmail.com
Subject: สอบถามเรื่องวิญญาณร้าย
Date: Sun, 20 Feb 2011 16:36:16 +0700

พอดีได้อ่านบล๊อคในเว็ปคุณ ผมคริสเตียนครับ แต่ว่ามีปัญหาเรื่องฝันร้ายบ่อยๆแปลก ๆ อยากให้ช่วยติดต่อกลับที่เมลล์
หรือเบอร์โทรนี้ได้มั๊ยครับ ขอบคุณครับ ??-081-7723XXX

..............................................................

ช่วงก่อนหน้านี้ผมได้รับอีเมล์ประเภทนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับDate: Mon, 31 Jan 2011 23:03:07 -0800
From: xxxetaixx@yahoo.com
Subject: ขอรับการช่วยเหลือ
To: reewat@hotmail.com


สวัสดีค่ะ ได้เข้าไปอ่านเรื่องราวจาก http://reewat.blogspot.com/ มีอาการป่วยที่เรื้อรัง ต้องการขอรับการรักษาและช่วยเหลือค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้างคะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ลงชื่อ xxxxx
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ผมจึงตอบเขากลับไปดังนี้ครับ ลองอ่านดูนะครับ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีครับ 

ขอบคุณที่ติดต่อมา ผมจะเล่าสิ่งนี้ให้คุณฟังก่อนแล้วคุณค่อยตัดสินใจโทร หรือติดต่อมาหาผมแล้วกัน
อาจใช้อีเมล์ หรือหากจะใช้โทรศัพท์ กรุณาโทรตอนค่ำๆ  นะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งตอนกลางวัน 

อาทิตย์นี้ 18-20 ก.พ. 2011 

มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เปิดเจอเว็บของผม เนื่องจากเธอป่วยมาได้ประมาณ 3 ปี เธอคงตัดสินใจอยู่นาน ก่อนการตัดสินใจเธอได้อ่านบทความของผมในเว็บบล็อคแห่งนี้อีกหลายบทความเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ หลายบทความก็ดีอยู่ แต่บางอันก็ทั้งแสบทั้งคัน เพราะเจ้าของบล็อคชอบเอาปากกาไปเกาตรงจุดคันๆ ของคนอื่นเป็นบางครั้ง (ขออย่าได้ถือสา) แต่เธอก็คงจะได้ใจความอะไรอยู่บ้าง เธอจึงได้ติดต่อเข้ามาหาผม ผมขอเรียกเธอว่า น้องมาช่า ก็แล้วกัน

คุณมาช่าเป็นคนมีการศึกษาสูงและมีหน้าที่การงานที่ดี  เธอบอกกับผมตอนหลังว่าเคยไปทำงานต่างประเทศมาแล้ว ผมเชื่อว่าจากหน้าที่การงานที่ทำ คุณมาช่าคงมีฐานะการเงินที่ดีพอสมควร (ผมสังเกตถ้าไม่งั้นคงไม่ลงทุนนั่งเครื่องบินมาที่จังหวัดที่ผมอยู่ได้หรอก) แต่มาช่าไม่มีสันติสุข  เธอมีอาการของโรคหลายอย่างรุมเร้า ทั้ง ปวดไหล่ ท้อง กระดูก เพลีย นอนไม่หลับ ตื่นมาก็เพลีย

คุณมาช่าตัดสินใจเดินทางโดยสารเครื่องบิน ไปกลับจากกรุงเทพ ถึงจังหวัดที่ผมอยู่ เธอมาถึงที่นี้เช้าวันเสาร์ มาช่าสำแดงความเชื่อของเธอ ด้วยการลงทุนนั่งเครื่องบิน ด้วยตั๋วที่เหลือที่นั่งใบสุดท้ายมาเพื่อรับการอธิษฐานเยียวยา ไปกลับก็เป็นเงินหลายพันบาท และยังไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่หาย  แต่ก็ตั้งความหวังไว้อยากให้เหมือนคนอื่นๆ ที่เขาได้รับอธิษฐานแล้วหายดี เธอตั้งใจมารับการปลดปล่อย ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าจริงๆ ของผม ไม่เคยรู้จักผมส่วนตัว ในใจของเขาคงมีความคิดแวบๆ เกี่ยวกับผมว่า  คนที่มันชอบเขียนประชด นักการศาสนาชาวคริสต์นี่มันของจริง หรือกำมะลอ นักโม้ นักเขียนล่องหน หรืออาจเป็นนักต้มตุ๋นกันแน่ เธอคงคิดอยู่นานหลายวันเหมือนกัน แต่ในที่สุด...จากคำพยานและข้อเขียนเป็นสิบๆ บทความ  ที่กล่าวถึงความสำเร็จในการอธิษฐานด้วยพระนามพระเยซู  คงพอทำให้เธอตระหนักได้ว่า  สิ่งที่ผมเขียนและนำมาเสนอนั้น คงมีความจริงอยู่บ้าง (ความจริงก็คือความจริงอยู่แล้วหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์)

ก่อนมาพบกับทีมงานของเรา  คุณมาช่าได้ลองโทรศัพท์มาคุยกับผมก่อนนี้ 2 ครั้ง ผมได้อธิษฐานเผื่อเธอทางโทรศัพท์ และผมสัมผัสได้ว่าเธอควรมาให้ทีมของเราอธิษฐานปลดปล่อยเพราะผมรู้สึกว่า "เคสนี้ต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน" ผมจึงได้แนะนำคุณมาช่าไปบางอย่าง  ในที่สุดคุณมาช่าก็ตัดสินใจมารับการอธิษฐานเพื่อรับการเยียวยา ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู (ที่ผมพยายามใช้คำว่า "พระเยซู แทนคำว่าพระเจ้า เพื่อบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าองค์นี้คือพระเยซู เพราะ พระเจ้าในโลกนี้ และในหลายๆ ประเทศ พระเจ้ามีหลายองค์เหลือเกิน มากจนจำไม่ได้ แต่ผมขอย้ำว่าเป็นพระเยซูเท่านั้นครับ  ก่อนนี้หลายปี  ผมรู้สึกจักกระเดียมปากที่จะพูดคำว่าพระเยซู แต่ตอนนี้นะ ภาคภูมิใจมากกกกก)

เพื่อตอบสนองการตัดสินใจที่แน่วแน่และมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ  ด้วยการเดินทางมาถึงสำนักงานของทีมของเราอย่างนี้  ผมจึงต้องตั้งใจสอนเธอกับน้องสาวอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ใหม่ของผม ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น จนถึงเวลาประมาณ 16.30 น. ทีมของเราจึงเริ่มการอธิษฐานปลดปล่อยน้องมาช่า เราใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในการอธิษฐานยกที่หนึ่ง เราใช้ทีมอธิษฐานทั้งหมด 7 คน แต่อาการของมาช่า ไม่ค่อยดีขึ้น  เป็นเพียงแค่หายป่วยไปบางส่วนเท่านั้นเอง ไม่ได้ผลเท่าที่เราคาดหวัง เรายังแปลกใจว่าทำไมด้วยซ้ำ แต่เราไม่เคยสงสัยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู

เมื่อวาน (อาทิตย์ 20 ก.พ. 2011) ตอนเช้า ผมได้พามาช่าและครอบครัว  ไปร่วมนมัสการร่วมกับทีมของผม เนื่องจากผมต้องไปเทศนาให้กับพี่น้องคริสเตียนโบสถ์อีกแห่งหนึ่งในต่างอำเภอ จึงต้องหยุดพักการอธิษฐานไปก่อน  หลังจากที่ผมเทศนาเสร็จทีมของเรากับมาช่าก็พักรับประทานอาหารเที่ยง ขณะที่เรากินข้าวด้วยกันที่โต๊ะอาหารที่โบสถ์จัดให้  ขณะกินไปคุยไป ผมก็ชวนเธอตัดสินใจอีกครั้ง ว่าอยากจะเชื่อพระเยซูจริงๆ ไหม เนื่องจากเมื่อวานผมได้นำเธออธิษฐานเพื่อขอให้พระเยซูช่วยรักษาอาการป่วยของเธอมาแล้ว

ผมเพิ่งได้รับทราบภายหลังจากการบอกเล่าจากโจ (ลูกศิษย์คนหนึ่งในทีม) ว่า  ขณะที่คุณมาช่าคุยกับโจในตอนรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกันนั้น เธอบอกว่า ถ้าหนูหายก่อนถึงจะเชื่อพระเยซู แต่โจบอกว่า การรับการรักษาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู คงเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร หรือการลงทุน ถ้าเราลงทุนไปน้อยก็คงได้น้อย ก็คงไม่ได้เต็มที่  ในเมื่อคนเราไม่ฝากเงินไหนเลยจะเรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากธนาคารก่อนได้ และถ้าหากเราเชื่อเพียง 80 เปอร์เซนต์หรือ 90 เปอร์เซนต์ ถ้าพระเจ้ารักษาเราตามขนาดความเชื่อของเราล่ะ คุณจะเอาไหม คุณมาช่า คิดทบทวนอยู่สักครู่ พอดีผมนั่งโต๊ะข้างๆ ไม่รู้เขากำลังคุยอะไรกัน แต่ผมก็โพล่งปากถามไปว่า คุณมาช่าจะเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าส่วนตัวจริงๆ หรือเปล่า คุณมาช่่าก็เลย โอเค ผมก็ดีใจที่เขารับพระเยซูร้อยเปอร์เซนต์และจะได้หายขาดไปเลย

เธอตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าอย่างองอาจ ผมได้สอบถามเธอว่าตั้งใจแน่วแน่แล้วหรือที่จะติดตามพระเยซู เธอตอบว่า "ใช่" ผมจึงเสนอให้เธอรับบัพติสมาในแม่น้ำในวันเดียวกันนี้เลย  คุณมาช่ายอมรับเหตุผล แบบงงๆ เพราะมันเร็วมาก แทบตั้งสติไม่ทัน แต่ผมบอกว่า ความสงสัยไม่สามารถช่วยให้คนหายโรคได้  เมื่อคุณมาช่าเต็มใจ ผมจึงบอกความหมายของการบัพติสมาแก่เธอ แล้วพาเธอไปรับบัพติสมาในแม่น้ำสำคัญ โดยมีศิษย์ของผมหลายคนไปเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

ตอนเย็นเรากลับมาถึงบ้านพักของผมที่ในเมือง ผมพาทีมงานร่วมกันช่วยอธิษฐานปลดปล่อยมาช่าอีกครั้ง อีกประมาณ 2 ชั่วโมงใช้ทีมอธิษฐานเรามี 7 คนเหมือนเดิม  

ตอนนี้เธอได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งต่างๆ ดังนี้ (ผมคิดว่าน่าจะหมดแล้วครับ แต่จะเช็ดอีกทีหลังจากนี้อีกสักสามเดือน)

1. วิญญาณสัมปเวสี ที่แอบมาสร้างอิทธิพลต่อร่างกายและความคิดจิตใจ
2. ความเจ็บแค้นฝังใจ
3. คำแช่งสาปจากบรรพบุรุธ
4. คุณไสย ที่มีคนที่เกลียดมาช่าไปจ้างหมอผี จากภาคเหนือ ด้วยเงิน 30,000 บาทให้สาปแช่งให้เธอถูกทำลาย ไม่เจริญ
    และยังมีอีกคนหนึ่งจ้างพวกเล่นคุณไสย มนต์ดำ ด้วยเงิน 50,000 บาท (ผมเข้าใจว่าเขาคงเกลียดกันเข้าใส้ถึงได้ทุ่มทุนขนาดนี้)
5. ปลดปล่อยจากมนต์ดำ และการเสกของ การฝังรูป ฝังหุ่น และวิญญาณแห่งอารมณ์ชั่วร้ายนานาชนิดที่ทำร้าย
6. ปลดปล่อยจากวิญญาณแอบแฝงที่อยู่ในเครื่องราง ของขลัง ที่เธอได้รับจากคนอื่น หรือเก็บรักษาไว้ในบ้าน
7. ปลดปล่อยจากวิญญาณเจ้า วิญญาณเทพ ความอ่อนแอ ที่แอบอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอ เจ็บป่วย ปวด และไร้สันติสุข

ในขั้นตอนสุดท้าย ผมอธิษฐานเผื่อเธอ เพื่อขอการชโลมด้วยพระพรอันเลิศของพระเจ้า
เธอได้รับสิ่งที่คริสเตียนบางพวกเรียกมันว่า " ลูกา บทที่ 3 ข้อ 16"

ขอพระเจ้าอวยพระพร

เย็นนี้เธอจะบินกลับไปกรุงเทพ ด้วยความสุข ได้การปลดปล่อย หลุดพ้นจากคำแช่งสาป บ่วงมารและคุณไสย และวิญญาณอื่นนานาชนิด  

ขอพระธรรมหนุนใจ

"ผู้ที่ฟังท่านทั้งหลายก็ได้ฟังเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมรับเราผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา” ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า   ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน(ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์) ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ 

ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์

ขอพระเจ้าอวยพระพร รออ่านคำพยานของเธอเร็วๆ นี้นะครับ

วีดีโอคลิปหายจากโรคนอนไม่หลับ Sleeping disorder


Feb 18, 2011
 การหายโรคด้วยแรงอธิษฐานในพระนามพระเยซู ของผู้เชื่อลุงโมเสส มีอาการนอนไม่หลับมาเป็นเวลากว่าสิบปี เมื่อปลายปีที่แล้วเราได้อธิษฐานให้เขาในพระนามพระเยซู หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย เวลาผ่านไป 8 เดือน วันนี้ เพื่อนผู้รับใช้เชิญผู้นำ ผู้ดูแลคริสตชนจากคริสตจักรต่างๆ มาในงานขอบพระคุณพระเจ้า เราจึงได้พบกับอาจารย์โมเสสและภรรยาอีกครั้งหนึ่ง

 พวกเขาดีใจมากที่ได้พบกับเราอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาบอกว่าเขาได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานจากโรคนอนไม่หลับ มาได้ระยะหนึ่งแล้วหลังจากได้รับการอธิษฐานวางมือช่วยเหลือในพระนามพระเยซูคริสต์ เราก็ดีใจเช่นกันที่ความเชื่อในพระนามพระเยซูคริสต์สามารถช่วยเหลือคนมากมายให้ได้หลุดพ้นจากผลร้ายของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้  เราเองไม่ได้ครอบครองศาสนศักดิ์ ไม่ได้ทำงานโดยมีหน่วยงานใดสนับสนุน แต่เราทำงานนี้ด้วยใจรัก และได้ผลอย่างนี้ เราดีใจมากที่ อาจารย์โมเสสและภรรยาได้รับการหลุดพ้นแล้ว เราจึงอยากแบ่งปันคำพยานนี้ เพื่อเป็นแรงหนุนใจให้คนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ที่จะกล้าก้าวออกมาจากความเชื่อแบบสติล มาเป็นความเชื่อแบบไดนามิค  เพื่อผู้เชื่อแท้อีกมากมายที่จะช่วยร่วมแบ่งปันความเชื่อแห่งการปลดปล่อยนี้เป็นความยินดีกับคนอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังทุกข์ทรมานจากโรคภัยต่างๆ

ขอให้พระนามของพระเยซูจงเจริญอาเมน

A shocking video: ขับวิญญาณอื่นที่อ้างตัวเป็นจ้าวเป็นเทพ

พระเยซูคริสต์พูดว่า

"ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย

 เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต

  และจะได้อย่างครบบริบูรณ์"

ช่วงนี้ ทีมของเราได้รับการติดต่อใช้ช่วยปลดปล่อยคนที่มีความผิดปกติทางด้านความคิดและอารมณ์ ในการปฏิบัติการ  เราสังเกตพบว่ามีวิญญาณอื่นๆ ที่แอบแฝงเข้ามาอยู่ในร่างกายของคน โดยใช้ชื่อต่างๆ

สิ่งนี่อาจหนุนใจให้คนของพระเยซู รู้ว่าเขามีสิทธิอำนาจมากแค่ไหน
นี่คือฤทธิ์อำนาจในพระนามของพระเยซูคริสต์ที่มีมากกว่าวิญญาณอื่น

ส่วนหนึ่งของคลิปที่เราปลดปล่อยหญิงสาวคนหนึ่งที่วิญญาณอื่นต้องการเอาเขาไปเป็นทาส
มันบอกว่าที่ต้องมาสิงสู่เขาเพราะว่าเขามีของบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อสถาบันของมัน




พระเยซูคริสต์พูดบอกสาวกของพระองค์ว่า
"ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่องและมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย"

"แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์” ฮาเลลูยาสรรเสริญพระเจ้า" อาเมน อาเมน อาเมน

** ช่วงนี้มีข่าวลือบอกว่า มีผู้นิยมเสพวัตถุของพวกที่ชอบนมัสการกราบไหว้ผี รู้สึกไม่พอใจที่  สถาบันวิญญาณเจ้าจอมปลอมถูกพวกคริสเตียนที่สามารถขับวิญญาณได้รบกวน เนื่องจากวิญญาณตัวใหญ่ๆ หลายตัวได้ถูกขับออกจากคน ถ้าพวกผี วิญญาณจ้างเหล่านี้มันเป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ มันจะพ่่ายแพ้แก่คนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นนักบวชทางศาสนาใดๆ อย่างพวกเด็กน้อยได้หรือ  ที่ผมกล้ากล่าวเตือนสติคนที่ชอบไหว้ผี เพราะผีไม่ใช่ศาสนาในประเทศนี้

ผมเชื่อว่าการขับผีไม่ผิดกฎหมายด้วย เพราะเราไม่ได้เก็บตังค์ ไม่ได้ทำเพราะสนุก แต่เราช่วยคนที่ถูกผีทำร้าย  เราอธิษฐานช่วยให้คนหายป่วยหายใข้ มันผิดตรงไหนล่ะ กลับใจเสียเถอะ อย่า งมงายกับวิญญาณร้ายเหล่านี้อีกเลย มันไม่ได้ช่วยให้ท่านทำอะไรดีขึ้นหรอก มีแต่จะทำให้คนที่หลงกราบไหว้มันฉิบหายและป่วยใข้เท่านั้น ในเวลาไม่นานคนที่พกผีมากๆ จะเจ็บป่วย ทั้งร่างกายและจิตใจ ปวดหัวบ่อย ปวดท้องบ่อย ตายไปยังต้องไปเป็นสมุนรับใช้วิญญาณที่อ้างตัวเป็นผู้คุ้มครองท่านอีก ก็ใครไปเชิญมันมาเป็นจ้าวล่ะ มันก็สบายละซิ อยู่ดีกินดี ถ้าผีมันแน่จริงมันต้องเลี้ยงเราซิ  เหตุไฉนต้องให้คนเลี้ยง คิดบ้างซิ บางคนบ้าผีคนเดียวยังไม่พอ ยังชอบบังคับให้เด็กเฟรชชี กราบไหว้วันทา เชิญพวกผีมาเป็นพ่อ เชิญมาเข้าหัวอีก

ทำไมคนเราการศึกษาก็สูง มีความรู้ มีความสามารถ ลองใช้สติปัญญาตรึงตรองดูสักนิด ไปเสียเวลาเซ่นสังเวยมันทำไม  มาหาพระเยซูคริสต์แล้วทุกคนจะปลอดภัยจากอำนาจของวิญญาณร้ายทุกอย่าง ถ้าผีที่คนนับถืออยู่มันใหญ่จริงมันคงไม่ร้องโอดโอยเมื่อพวกเราขับดันมันออกมา  โดยใช้แค่มือเคาะหัวเบาๆ โดยใช้ชื่อพระนามพระเยซูเท่านั้น เราไม่มีเวทมนต์คาถาอะไรสักนิด เด็กเมื่อวานซืนยังขับมันออก คนหลายคนยังหลงไปไหว้มัน ไม่หยุดคิดบ้างหรือ ที่พวกคริสเตียนส่วนใหญ่ทำไม่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีใครสอนเขาเท่านั้นแหละ คริสเตียนปัจจุบันกลายเป็นเพียงศาสนาอย่างหนึ่งก็ว่าได้ ไร้ฤทธิ์เดช และอาจารย์ใหญ่ของพวกเขาบางคน มืดบอดคนเดียวไม่พอ ยังต่อต้านฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าด้วย  ใครมาทำก็กลัว ใครไล่ผีก็ว่าแปลกไม่เคยเจอ เป็นพวกลัทธิอื่น  ตลกจริงๆ

 เพราะประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียน เอกโซซิด พระเยซูไปที่ไหนก็ขับผี ลูกศิษย์ท่านก็ทำ หลายๆ โบสถ์เขาก็ทำ แต่เขาไม่กระโตงกะตางเท่านั้น ที่ผมเอามาเผยแพร่เพราะต้องการให้คริสเตียนรู้ตัวว่า พวกเขาก็ทำได้ และถ้าพวกเขาทำได้ โบสถ์เขาจะขยายขนาดไหน คนมาหายโรค มีการอัศจรรย์ทุกๆ อาทิตย์ ทุกวันนี้โบสถ์หลายแห่งเป็นแค่ศาสนสถานเท่านั้น นี่ถ้าพวกคริสเตียนทำได้มากๆ เขาไปที่ไหนเขาก็จะเจอแต่ผีแบบที่ผมเจอนี่แหละ ผมไม่ได้ไปไล่จับผี ผีมันจะมาให้ผมขับไล่เอง ไม่เพียงขับผีสัมปเวสีเท่านั้น คนเป็นโรคไมเกรนยังเป็นแค่ผงฝุ่นติดเสื้อผ้าสำหรับพวกเราด้วยซ้ำ

การขับผีก็เหมือนกับการว่ายน้ำ ต้องมีอาจารย์ดีๆ สอน ผมมีอาจารย์ดีๆ หลายคนช่วยกันสอนจึงทำได้ เสียดายมากที่มีผู้เชื่อพระเจ้าบางคนที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนปัจจุบันนี้เท่านั้น อาจารย์สอนว่ายน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น ลูกศิษย์มันจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็นยังเป็นข้อสงสัยอยู่

อีกอย่าง...ถ้าผีสัมปเวสีพวกนี้มันมีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ ทำไมมันไม่มาหักคอพวกเด็กๆ ที่ช่วยกันขับไล่มันล่ะ ใครอย่าหลงตกเป็นเหยื่อของพวกวิญญาณผีอีกเลย เชื่อผมเถอะ หันกลับมาเสียเถอะ  อยู่สบายๆ ดีกว่าไปนับถือวิญญาณร้าย เปลืองเป๊ปซี่ เปลืองกล้วยเปล่าๆ เปลืองอ้อย เอาให้ช้างเป็นๆ กินยังจะมีประโยชน์มากกว่า ศาสนาที่แท้จริงเขาไม่ไหว้ผีหรอก ผีมันต่ำกว่ามนุษย์อีก อย่าขลาดเขลาเอาผีมาเป็นพระเลย

คำที่บางคนด่าพระเยซูและเจ้าของเว็บนี้ ขอพระเยซูอภัยให้ท่าน เพราะท่านไม่รู้ว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่คืออะไร