หน้าแรก

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อยากรู้จักพระเจ้า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อยากรู้จักพระเจ้า แสดงบทความทั้งหมด

Why were we born on this planet - เกิดมาทำไม 2



Why were we born on this earth? This is a very important question everybody wants to know.
ทำไม เราจึงเกิดมาบนโลกใบนี้? คำถามที่สำคัญนี้ฉันเชื่อว่าหลายๆคนคงอยากรู้คำตอบแน่นอน แม้ว่าท่านจะเชื่อว่ามีพระผู้สร้างหรือไม่ หรือท่านอาจเชื่อว่าเงินคือพระเจ้า หรือตัวท่านเองคือพระเจ้าผู้ลิขิตชีวิตของตนเอง

You will enjoy the new insights that Rick Warren has, with his wife now having cancer and him having 'wealth' from the book sales. This is an absolutely incredible short interview with Rick Warren, 'Purpose Driven Life ' author and pastor of Saddleback Church in California . (Saddleback Church is an evangelical Christian megachurch located in Lake Forest, California, situated in southern Orange County, affiliated with the Southern Baptist Convention. The church was founded in 1980 by pastor Rick Warren. Weekly church attendance averages nearly 20,000, currently making it the eighth-largest church in the United States (this ranking includes multi-site churches)

นี่คือบทสัมภาษณ์อาจารย์ทางศาสนาคริสต์ที่เป็นผู้ดูแลผู้เชื่อที่อยู่ในสังกัดระดับหมื่นคน ริคได้รับค่าตอบแทนมหาศาลจากการแต่งหนังสือที่ขายดีชื่อว่า “ชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์”
(
คริสตจักรชัดเดื้ลแบค เป็นคริสตจักรแนวผู้ประกาศ ตั้งอยู่ที่เมืองเลคฟอเรสต์ แคริฟอรเนีย ทางภาคใต้ของชุมชนออเรนจ์ เป็นคริสตจักรในเครือของคริสเตียนพวก แบ๊ปติสทางตอนใต้
คริสตจัรชัดเดิ้ลแบคเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1980 โดย พาสเตอร์ ริค วอเรน มีจำนวนคนที่เข้าร่วมนมัสการประจำทุกๆ วันอาทิตย์ประมาณ 20,000 คน จึงทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นโบสถ์ขนาดจัมโบ้ลำดับที่ 8 ของประเทศสหรัฐอเมริกา

In the interview by Paul Bradshaw with Rick Warren, Rick said:

People ask me, What is the purpose of life?

ในบทสัมพาษณ์นี้ พาสเตอร์ริคได้ตอบคำถามที่ว่า

“วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของชีวิตคืออะไรกันแน่”

And I respond: In a nutshell, life is preparation for eternity. We were not made to last forever, and God wants us to be with Him in Heaven.

One day my heart is going to stop, and that will be the end of my body-- but not the end of me.

I may live 60 to 100 years on earth, but I am going to spend trillions of years in eternity. This is the warm-up act - the dress rehearsal. God wants us to practice on earth what we will do forever in eternity..

พาสเตอร์ริคได้ตอบว่า ชีวิตอาจเปรียบเหมือนเปลือกที่ห่อหุ้มบางอย่างอยู่ ชีวิตคือการเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นอมตะ ชีวิตมนุษย์ถูกสร้างขึ้นให้อาศัยอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่ให้อยู่คงทนชั่วนิรันดร์ พระเจ้าต้องการให้เราไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ วันหนึ่งหัวใจของฉันจะหยุดเต้น และเมื่อนั้นก็หมายความว่ามันเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตในโลกนี้ของฉัน แต่นั่นไม่ใช่การสิ้นสุดของชีวิตของฉัน

ฉันอาจมีชีวิตแค่ 60 ปี หรือ ยืนยาวไปถึง 100 ปี บนโลกใบนี้, แต่ฉันจะต้องไปใช้ชีวิตเป็นแสนล้านปีในอาณาจักรอันนิรันดร์ที่พระเจ้ากำหนด ชีวิตบนโลกใบนี้เป็นเพียงการอุ่นเครื่อง เหมือนกับการลองสวมเสื้อผ้าเท่านั้น พระเจ้ามีความประสงค์ให้เราลองฝึกฝนตัวเองบนโลกใบนี้ก่อนที่เราจะได้รับอนุญาตให้ไปมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ในอีกภพหนึ่ง

We were made by God and for God, and until you figure that out, life isn't going to make sense.

Life is a series of problems: Either you are in one now, you're just coming out of one, or you're getting ready to go into another one.

The reason for this is that God is more interested in your character than your comfort; God is more interested in making your life holy than He is in making your life happy.

ชีวิตของเราถูกสร้างโดยพระเจ้า เพื่อพระเจ้า จนกว่าเราจะเข้าใจสิ่งนี้ก่อน เราจึงจะสามารถจินตนาการให้เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต
ชีวิตคือการเผชิญปัญหาที่เป็นขั้นตอนต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะประสบกับปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใด หรือเพิ่งจะผ่านพ้นอุปสรรค์อย่างหนึ่ง คุณยังจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาอีกอย่างหนึ่งอีก ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ล่ะ นี่เป็นเพราะว่าพระเจ้าสนใจสิ่งที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณมากกว่าเพียงความสุขสบายส่วนตัวของคุณ, พระเจ้าสนใจที่จะพยายามขัดเกลาชีวิตของคุณให้บริสุทธิ์ มากกว่าทำให้ชีวิตของคุณมีแค่ความสบายและมีความสุข

We can be reasonably happy here on earth, but that's not the goal of life. The goal is to grow in character, in Christ likeness.

This past year has been the greatest year of my life but also the toughest, with my wife, Kay, getting cancer.

I used to think that life was hills and valleys - you go through a dark time, then you go to the mountaintop, back and forth. I don't believe that anymore.

เราบางคนอาจมีเหตุผลที่ดีในการมีชีวิตที่มีความสุขบนโลกนี้, แต่สิ่งนี้ไม่ใช้เป้าหมายของชีวิตนะ, เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตคือสร้างสรรค์คุณลักษณะอุปนิสัยแบบพระคริสต์ต่างหากล่ะ
ในปีที่ผ่านไปรู้สึกว่าเป็นปีที่ดูยิ่งใหญ่สำหรับฉัน แต่ก็เป็นปีที่ยากลำบากมากด้วย, เพราะภรรยาของฉันคุณ เคย์ ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
ฉันเคยคิดว่าชีวิตเป็นเหมือนกับการขึ้นเขาลงห้วยลุ่มๆ ดอนๆ + เราอาจมีเวลาแห่งชีวิตเหมือนอยู่ในความมืดมิด, ต่อมาชีวิตมันดูเหมือนอยู่บนที่สูงสุดของภูผา, ไปๆ มาๆ, ฉันไม่เชื่อย่างนี้อีกแล้วล่ะ

Rather than life being hills and valleys, I believe that it's kind of like two rails on a railroad track, and at all times you have something good and something bad in your life..

No matter how good things are in your life, there is always something bad that needs to be worked on.

And no matter how bad things are in your life, there is always something good you can thank God for.

You can focus on your purposes, or you can focus on your problems:

ชีวิตเป็นมากกว่าการขึ้นเขาลงห้วยนะ, ฉันเชื่อว่าชีวิตน่าจะเป็นเหมือนรางรถไฟคู่, ในทุกขณะของชีวิตคุณจะต้องพบทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งไม่ดีในชีวิต
ไม่ว่าสิ่งดีในชีวิตจะทำให้คุณเป็นสุขมากเพียงใด, ชีวิตก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่เรื่อยไปและไม่ว่าสิ่งเลวๆ ในชีวิตจะเป็นอย่างไร, ชีวิตก็ยังมีสิ่งที่ดีๆ ให้เราขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ
แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกว่าจะเล็งเป้าหมายของชีวิตไปทางไหน, เป้าหมายเพื่อจุดประสงค์ของชีวิตหรือวางเป้าหมายไปที่ปัญหาชีวิต

If you focus on your problems, you're going into self-centeredness, which is my problem, my issues, my pain.' But one of the easiest ways to get rid of pain is to get your focus off yourself and onto God and others.

ถ้าหากคุณมุ่งความสนใจไปที่ปัญหา, ก็หมายความว่าคุณกำลังมุ่งเข้าสู่ชีวิตที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวเอง, ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราอาจเรียกมันว่า ปัญหาของฉัน เรื่องยุ่งๆ ของฉัน ความเจ็บปวดของฉัน
แต่วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะขจัดความเจ็บปวดออกจากชีวิตของคุณ ก็คือการเล็งเป้าหมายชีวิตไปที่พระเจ้าและคนอื่นๆ มากกว่า

We discovered quickly that in spite of the prayers of hundreds of thousands of people, God was not going to heal Kay or make it easy for her- It has been very difficult for her, and yet God has strengthened her character, given her a ministry of helping other people, given her a testimony, drawn her closer to Him and to people.

You have to learn to deal with both the good and the bad of life.

เราได้ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า ทั้งๆ ที่มีคนเป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่นๆ คนช่วยกันอธิษฐานเผื่อความเจ็บป่วยของเคย์ภรรยาของฉัน คือขอให้เขาหายป่วยจากการเป็นมะเร็งร้าย แต่พระเจ้าไม่รักษาเคย์ หรือทำให้เคย์มีชีวิตที่สบายขึ้น สิ่งนี้มันเป็นเรื่องลำบากสำหรับเคย์มาก, แต่ด้วยเหตุแห่งความเจ็บป่วยนี้พระเจ้าได้เสริมกำลังให้เคย์มีอุปนิสัยที่เข้มแข็งขึ้น, พระองค์ได้ประทานพันธกิจแห่งการเยียวยาผู้ป่วยมะเร็งคนอื่นๆ, พระเจ้าได้ประทานคำพยานที่เธอจะสามารถเล่าถึงพระคุณของพระเจ้าในความเจ็บป่วยของเธอ พระเจ้าได้ฉุดดึงเคย์ให้เข้าไปใกล้พระองค์และคนอื่นๆ มากขึ้น

แท้ที่จริงชีวิตคือการเรียนรู้ที่จะจัดการกับเรื่องที่ดีและเรื่องที่เลวร้ายในชีวิตไปพร้อมๆ กัน

Actually, sometimes learning to deal with the good is harder. For instance, this past year, all of a sudden, when the book sold 15 million copies, it made me instantly very wealthy. It also brought a lot of notoriety that I had never had to deal with before. I don't think God gives you money or notoriety for your own ego or for you to live a life of ease.

จริงๆ แล้วบางทีการเรียนรู้ที่จะจัดการกับสิ่งดีในชีวิตมันยากกว่านะ ยกตัวอย่างนะ ในปีที่ผ่านไปเพียงระยะเวลาไม่นาน หนังสือที่ฉันแต่งขึ้นได้ขายออกไปถึง 15 ล้านเล่ม มันทำให้ฉันร่ำรวยขึ้นผิดหูผิดตาอย่างรวดเร็วมาก แต่มันก็ทำให้ฉันมีชื่อเสียงมากมายจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี ฉันไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะประทานความมั่งคั่งกับชื่อเสียงที่โด่งดังเพื่อตอบสนองความอยากส่วนตัวของเรา หรือเพียงเพื่อให้ชีวิตของเราเป็นอยู่อย่างสุขสบายเท่านั้น

So I began to ask God what He wanted me to do with this money, notoriety and influence. He gave me two different passages that helped me decide what to do, II Corinthians 9 and Psalm 72.

ดังนั้นฉันจึงเริ่มถามพระเจ้าว่าพระองค์ต้องการให้ฉันทำอย่างไรกับความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอิทธิพล พระเจ้าประทานถ้วยคำสองตอนจากพระธรรม 2 โครินธ์ บทที่ 9 และพระธรรมสดุดี ของพระองค์ที่ช่วยให้ฉันตัดสินใจในการดำเนินชีวิต

First, in spite of all the money coming in, we would not change our lifestyle one bit.. We made no major purchases.

ประการแรก, ทั้งๆ ที่เงินมากมายกำลังไหลเข้ามาในกระเป๋า, เราจะไม่เปลี่ยนวิถีแห่งการดำเนินชีวิตสักนิดเดียว, เราไม่ได้ซื้อข้าวของอะไรที่แพงๆ

Second, about midway through last year, I stopped taking a salary from the church.

ประการที่สอง, ประมาณกลางปีที่แล้ว, ฉันได้หยุดรับเงินเดือนค่าตอบแทนจากการเป็นทำงานจากคริสตจักรที่ฉันดูแลอยู่

Third, we set up foundations to fund an initiative we call The Peace Plan to plant churches, equip leaders, assist the poor, care for the sick, and educate the next generation.

ประการที่สาม, เราได้ตั้งกองทุนเพื่อการเริ่มต้นปลูกสร้างคริสตจักรที่เราเรียกว่า “โครงการปลูกสร้างคริสตจักร, เตรียมผู้นำ, ช่วยเหลือคนยากไร้, กองทุนสำหรับคนเจ็บป่วย, และการให้การศึกษาสำหรับคนรุ่นต่อไป

Fourth, I added up all that the church had paid me in the 24 years since I started the church, and I gave it all back. It was liberating to be able to serve God for free.

ประการที่สี่, ฉันได้คำนวณว่าตลอดเวลาที่ฉันได้ทำงานให้คริสตจักรเป็นเวลาถึง 24 ปี คริสตจักรได้จ่ายค่าตอบแทนให้กับฉันเป็นเงินเท่าไหร่ ฉันได้จ่ายคืนเท่ากับจำนวนเงินทั้งหมดที่คริสตจักรได้จ่ายให้ฉัน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกปลดปล่อยว่า ฉันได้รับใช้พระเจ้าโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน คือการรับใช้ฟรีๆ

We need to ask ourselves: Am I going to live for possessions? Popularity?

Am I going to be driven by pressures? Guilt? Bitterness? Materialism? Or am I going to be driven by God's purposes (for my life)?

มีคำถามที่เราต้องถามตนเอง: ฉันกำลังมีชีวิตอยู่เพื่อการครอบครองหรือ? เพื่อเป็นที่นิยมชมชอบหรือ?
ชีวิตของเรากำลังถูกกระตุ้นด้วยแรงกดดันต่างๆ บางอย่าง เช่น ความรู้สึกโทษตัวเอง, ความขมขื่น ความอยากได้อยากมีในทรัพย์สิ่งของ, หรือว่า... ชีวิตของเราน่าจะถูกพลักดันโดยพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตเรา

When I get up in the morning, I sit on the side of my bed and say, God, if I don't get anything else done today, I want to know You more and love You better. God didn't put me on earth just to fulfill a to-do list. He's more interested in what I am than what I do.

เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า, ฉันนั่งอธิษฐานที่ข้างเตียงว่า พระเจ้า, หากวันนี้ไม่สามารถทำความสำเร็จใดๆ ลูกอยากรู้จักพระองค์และรักพระองค์มากขึ้นเก่าเดิม “พระเจ้าไม่ได้มีพระประสงค์เพียงเพื่อให้ฉันมาทำสิ่งในสิ่งที่เป็นแค่รายการที่ต้องทำประจำวันเท่านั้น”

"พระองค์สนใจในสิ่งที่ฉันเป็นมากกว่าสิ่งที่ฉันทำ"

That's why we're called human beings, not human doings.

นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเรียนคนว่า มนุษย์ผู้เป็นอยู่, ไม่ใช่ มนุษย์ผู้กำลังทำงาน

Happy moments, PRAISE GOD.

เมื่อมีสุข จงสรรเสริญพระเจ้า

Difficult moments, SEEK GOD.
เมื่อประสบความลำบาก, จงแสวงหาพระเจ้า

Quiet moments, WORSHIP GOD.
ในยามเงียบสงบ, จงนมัสการพระเจ้า

Painful moments, TRUST GOD.
เมื่อยามเจ็บปวด, จงวางใจพระเจ้า

Every moment, THANK GOD..
ในทุกๆ ขณะของชีวิต, จงขอบพระคุณพระเจ้า

If you do not pass it on, nothing will happen. But it will just be nice to pass it on to a friend....just like I have done.
ถ้าคุณไม่ส่งต่อสิ่งนี้, คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันคงจะเข้าท่ามากขึ้นถ้าคุณส่งต่อบทความนี้ให้กับเพื่อนสักคนหนึ่ง, เหมือนที่ฉันได้ส่งต่อมาให้คุณ - กรุณาแบ่งปันข้อคิดนี้ให้กับเพื่อนๆ ของคุณให้มากที่สุด เพื่อเป็นพระพรสำหรับเขา

God's Blessings

ขอพระเจ้าอวยพระพรมากมาย

Jesus said: Then Jesus told his disciples, “If anyone would come after me, let him deny himself and take up his cross and follow me. For whoever would save his life will lose it, but whoever loses his life for my sake will find it. For what will it profit a man if he gains the whole world and forfeits his life? Or what shall a man give in return for his life?" Mathew 16.24-26

ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเองและรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา พระธรรมมัทธิว 16.24 -26

แปลโดย RW : September 23, 2010

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คริสตจักร Saddleback

http://www.saddleback.com

http://en.wikipedia.org/wiki/Saddleback_Church

If you want a miracle in your life - ถ้าคุณอยากหายโรค

PLEASE GOD NOT PEOPLE
เราต้องทำในสิ่งที่พระเจ้าพอใจมากกว่า การเอาใจชาวบ้านหรือคนที่คอยห้ามเรา

Mark 10:48 "And many charged him that he should hold his peace: but he cried the more a great deal, Thou son of David, have mercy on me."
MARK 10:43-48 จากพระธรรมมาระโก บทที่ 10 ข้อ 43-48 คือตัวอย่างคนที่เขาได้รับการรักษาจากพระเยซู

บาทิเมอัสคือชายขอทานตาบอด เมื่อเขาทราบว่าพระเยซูผู้สามารถทำการอัศจรรย์และรักษาโรคต่างๆ ได้ กำลังเดินทางผ่านมาทางที่เขาขอทานอยู่ ชายตาบอดได้ร้องเสียงดังว่า

"พระเยซูผู้เป็นเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด ขอพระองค์เมตตาข้าด้วย"
"ขอเมตตารักษาดวงตาของข้าที่บอดอยู่ให้หายด้วย"

คนที่อยู่ใกล้ๆ เขาได้เตือนเขา ห้ามเขาไม่ให้ตะโกนเสียงดัง ไม่ให้ร้องเรียกหาความช่วยเหลือ เพราะไม่คิดว่าพระเยซูจะสนใจขอทานตาบอด สกปรก อย่างบาทิเมอัส

ชาวบ้านแถวนั้นคงจะบอกว่า

 "แก...ไอ้ขอทานตาบอด ไม่เจียมสังขารเลยนะแกน่ะ"

"เป็นแค่ขอทาน เนื้อตัวก็เหม็นๆ ไม่รู้จักอาบน้ำเสียบ้าง ยังมีหน้ามาเรียกร้องหาให้พระเยซูผู้บริสุทธิ์ช่วย"

แต่ ชายตาบอดกลับยิ่งร้องเสียงดังยิ่งขึ้น เขาไม่เพียงร้องเรียกเสียงดังเท่านั้น แต่เขายังพยายามวิ่งไปยังทิศทางที่ผู้คนกำลังมุงดูพระเยซูคริสต์ด้วย


เขาเรียกร้องความสนใจจากพระเยซูด้วยการร้องเสียงดังมากขึ้นๆ
เขาไม่หยุดเมื่อมีคนพยายามห้ามไม่ให้เขาร้อง ในที่สุดเขาร้องจนพระองค์ต้องหยุดและเรียกเขาเข้ามาใกล้ๆ
พระเยซูเห็นความเชื่อของเขา พระองค์พอใจมากและได้รักษาเขาให้หายจากตาบอดทั้งสองข้าง

นี่คือตัวอย่างของการรับการรักษาอย่างอัศจรรย์ หลายคนอยากให้พระเยซูรักษาโรคภัยของตน แต่ไม่กล้าที่จะร้องเรียก อาย กลัว เกรงใจคนข้างๆ ญาติ พี่น้อง ประเพณี ความเชื่อเดิมๆ เกิดความสงสัยว่า ปาฎิหาริย์ มันยังมีอยู่หรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร บางคนเห็นแต่คนอื่นได้รับแต่ตัวเองไม่ได้รับ ไม่กล้าขอ ไม่กล้าพยายาม พวกเขาจึงไม่ได้รับการรักษา พวกเขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานร่างกายต่อไป ไม่มีใครช่วยเขาได้เพราะเขาขาดความเชื่อ ขาดความกระหายหารักษา

บางท่านอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาป สกปรก เสื้อผ้าเหม็นเหมือนบาทิเมอัส และท่านเคยเดินหลงทางชีวิต ดำเนินชีวิตอยู่ในความชั่วร้ายทุกอย่าง เหมือนเดินในความมืด เหมือนชายคนนี้ อาจจะมีเสียงในใจท่านบอกว่า
 "เป็นไปไม่ได้หรอก แกเป็นคนชั่ว ชอบทำบาป แกป่วยเป็นโรคร้ายก็สมควรแล้ว"
"พระเยซูไม่ต้องการแกหรอก"
"ไม่มีใครต้องการคนป่วย คนไร้ความสามารถหรอก"

ท่านที่รักผมของหนุนใจท่านว่า เสียงนั้นไม่ใช่เสียงที่ดีอย่างแน่นอน หากท่านรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเหมือนคนตาบอด มีชีวิตอยู่กับความมืดบอดของชีวิต สนุกสนานจนลืมศีลธรรม ไม่มีการบังคับใจตนเอง ชีวิตตกต่ำลง มีโรคร้าย ทุกข์ทรมาน เสื้อผ้าของท่านที่สกปรกคือ จิตใจที่คิดร้าย ความชั่ว ความลามก และความคิดเลวร้ายทั้งหลายที่ท่านมี

หากท่านรู้จักสำนึกตัวในความผิดพลาด ความผิดบาปนั้น มีคนหนึ่งที่ยอมรับท่านได้ ไม่ว่าความชั่วของท่านมันจะมืดขนาดไหน เลวขนาดไหน คนในสังคมรอบข้างที่รู้ความผิดของท่าน ไม่ต้องการท่าน แต่พระเยซูคริสต์พร้อมจะให้อภัยท่านอย่างแน่นอน พระเยซูไม่เพียงอภัยบาปให้ท่านเท่านั้น พระองค์ยังจะทรงรักษาความเจ็บป่วยทางร่างกาย และจิตใจให้แก่ท่านด้วย

ขอเพียงท่านมีความหิวกระหายหาพระเจ้า ต้องการพระผู้ช่วย มีคำสอนบอกว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ไม่มีใครช่วยใครได้ แต่ผมขอบอกความจริงแก่ท่านว่า

แน่ทีเดียวคนปกติไม่ต้องการหมอ
แต่คนที่เจ็บป่วยต้องการหมอ


เมื่อเราป่วยเราต้องการใครสักคนดูแล คนเจ็บต้องการหมอ คนบาปต้องการพระเจ้า หากเราเป็นคนป่วยหนัก แทบจะตายแล้วเราจะช่วยตัวเองได้อย่างไร ตนจะเป็นที่พึ่่งแห่งตนได้อย่างไร หากท่านเจ็บป่วย ทางร่างกาย และจิตใจพระเยซูคริสต์ช่วยท่านได้อย่างแน่นอน และท่านไม่จำเป็นต้องไปหาพระเยซูคริสต์ที่ไหน ท่านสามารถร้องเรียกหาพระเยซูคริสต์ได้จากที่นอนในบ้านของท่าน หรือทุกหนทุกแห่งที่ในโลกนี้ ท่านสามารถร้องเรียนหาพระเจ้าได้ หากท่านยังใหม่ และการร้องเรียกหาพระเจ้าเป็นประสบการณ์ที่ยากเกินไปสำหรับท่าน

มองหาคริสตจักรใกล้บ้านท่าน เข้าไปหาพวกเขา พูดกับเขาว่า มีคนแนะนำให้มาให้อาจารย์ที่โบสถ์ให้อธิษฐานเผื่อความเจ็บป่วยของผม/หนู พวกเขาจะยินดีมากที่จะเล่าเรื่องพระเยซูคริสต์ให้ท่านฟัง และจะอธิษฐานเผื่อท่านให้ท่านหายดี แต่ถ้าโบสถ์คริสต์ไม่สามารถทำได้ หรือทำแล้วไม่หาย กรุณาติดต่อเรา ตามที่อยู่อีเมล์ของเจ้าของเว็บบล๊อกนี้ เราไม่เรียกเก็บเงินหรือค่าป่วยการใดๆ ในการอธิษฐานเผื่อท่านด้วย หากท่านมีความเชื่อ และมีความจริงใจต้องการเลิกจากบาป กลับใจใหม่ ไม่เพียงท่านจะหายโรคเท่านั้น ท่านยังจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่อีกด้วย ชีวิตจะมีสันติสุข แม้มีปัญหาก็จะมีผู้ช่วยให้ผ่านไปได้อย่างแน่นอน

หากท่านต้องการรับการรักษาจากพระเยซู ท่านจะต้องกล้าัตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะร้องเรียกหาพระเยซูด้วยใจหัวกระหาย ด้วยใจศรัทธา ด้วยสัจจะ ด้วยความจริงใจ เพราะความเจ็บป่วยของท่านพระเยซูคริสต์รักษาได้ แต่ถ้าท่านเกรงใจคนอื่น ฟังคำพูดต่อต้าน ท่านจะไม่ได้รับอะไร และท่านต้องทนทุกข์ต่อไป - ท่านสามารถเลือกที่จะมีความเชื่อ หรือท่านเลือกที่จะฟังคำพูดของคนที่ขัดขวางท่านไม่ให้เชื่อพระเจ้า

ซาตานและวิญญาณร้ายไม่ต้องการให้เราได้รู้จักกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้

พระเยซูและสาวกของพระองค์ในปัจจุับันไม่ได้เรียกร้องเงินค่ารักษาจากคนเจ็บป่วย แล้วดูพวกหมอดู หมอผีหมอไสยศาสตร์ คนทรงเจ้า หมอทำนาย อาจารย์อาคมและเวทมนต์คาถาต่างๆ ในปัจจุบันซิ เขาเรียกร้องอะไรจากท่าน นอกจากท่านจะเสียทรัพย์ เสียเวลา เสียใจแล้ว ท่านจะเสียวิญญาณให้กับมารร้ายด้วย

บางครั้งการไปหาไสยศาสตร์อาจจะไม่แพง ดูคล้ายกับว่าไม่เสียอะไรมาก ดูเหมือนเขาขอค่ายกครูเป็นเงินเพียงไม่กี่บาท แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ ผู้ป่วยที่ถวายทานให้แก่รูปเคารพหรือเทพ วิญญาณ ผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ได้เปิดประตูชีวิตให้วิญญาณต่างๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างกายของเขาแล้วโดยไม่รู้ตัวเลย การไปพึ่งไสยศาสตร์จะรู้สึกว่าดีในตอนแรกๆ เท่านั้น ต่อมาจะทรุดแล้วรักษาไม่ได้

น่าแปลกไหม

 "นี่คือความจริง"

ที่แม้แต่คริสเตียนจำนวนมากก็ไม่รู้


The devil will always have someone available to tell us why we shouldn't expect to get results when petitioning God. Most people would rather stay with the crowd and not do anything to draw attention to themselves even if that means not getting their needs met. They will try to make you conform as well. If this man would have listened to the crowd, he would not have received his healing. "Ye have not, because ye ask not" (Jas. 4:2).

This blind man is a good example of an active kind of faith. He was not passive in his approach toward healing. He boldly cried out to Jesus for mercy. When the crowd ridiculed him and told him to be quiet, he cried out even louder for mercy.

Many people believe that God can perform the miracle they need but relatively few are willing to actively pursue it until they get results. They are afraid of what others will think of them. This man had his attention focused only on Jesus. Nothing else mattered and that is why he got healed.

An integral part of faith is seeking God only with your whole heart. If we are concerned about what people think so that we can gain their approval, we will never take a stand in faith for anything that we might be criticized for. This one thing has probably stopped as many people from receiving from God as anything else. You cannot be a "man-pleaser" and please God at the same time. Satan uses persecutions to steal away God's Word and thereby stop our faith. To see faith work, we must say with Paul, "let God be true, but every man a liar" (Rom. 3:4).

http://www.awmi.net/devotion/jesus/aug_26

Tags: การหายป่วย วิธีการรักษา  แผลเน่า  มะเร็งเต้านม  มะเร็ง โรคเรื้อรัง อาการทางจิต  ประสาท
ไม เกรน  การรักษาโรคไมเกรน  ริดสีดวง โรคตับอักเสบ  แพทย์ดีเด่น  การเยียวยา การรักษาด้วยพลังจิต รับสะเดาะห์เคราะห์  ตัดกรรม แก้กรรม เจ้ากรรมนายเวร  วิญญาณรบกวน เห็นผี โรคประหลาด อาการป่วยที่รักษาได้ยาก  ไม่ทราบสาเหตุ เป็นๆ หายๆ  การดูแลผู้สูงอายุ ความเครียดเรื้อรัง  ความกลัว รู้สึกกลัว  การรักษาทางเลือก  reewat.com  กลุ้มใจแฟนทิ้ง สามีนอกใจ ภรรยานอกใจ ส่ำสอนทางเพศ
กลุ่มรักร่วมเพศ  หญิงรักหญิง ชายรักชาย ท่าทางในการมีเพศสัมพันธ์ วิธีการมัดใจสามี  การทำสเน่ห์
การ ทำของ คุณใสย  รับทำพิธีกรรม เรียกผัว เรียกเมีย คุณไสย ไสยศาสตร์ ปัดรังครวญ  ตัดกรรม ตัดเคราะห์ เสริมดวง ทำนายโชคชะตา หมอดูแม่นๆ  ดวงดาววันนี้  ดาราฆ่าตัวตาย วิธีการฆ่าตัวตาย วิธีการทรมานสัตว์ วิธีการแก้แค้น  วิธีลงโทษ  ภาพโป๊ Node คลิปลับ คลิปหลุด สาวสยิว  แก้ดวง แก้กรรม ลัก-ยม ลักยม กุมารทอง นางกวัก  คาถาปลุกพระ คาถาขับผี คาถาสกดวิญญาณ  การขึ้นครู ของขึ้น แก้ของขึ้น  ขับผี วิธีการบนเจ้าที่ การขอหวย การผูกดวง ยาผีบอก  ยาแก้มะเร็ง สูตรลับ

What is sin? บาปมันเป็นยังไง

เมื่อเรามองดูในสังคมปัจจุบันนี้ เรามักจะมองเห็นปรากฎการณ์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง ก็คือ
"คนส่วนมากมักจะมองไม่เห็นความผิดของตนเอง แต่มักจะมองเห็นความผิดของผู้อื่นได้อย่างชัดเจน" หรือ "คนส่วนมากมักจะให้อภัยในความผิดของตนเอง แต่มักจะไม่ให้อภัยในความผิดของคนอื่น" ยกตัวอย่างเช่น  "ฉันโกหกได้ไม่เป็นไร แต่คนอื่นห้ามโกหกฉัน ฉันเอาเปรียบคนได้แต่ใครอย่ามาเอาเปรียบฉัน ฉันทำผิดกฎหมายไม่เป็นไร แต่คนอื่นห้ามทำผิดกฎหมาย"
ซึ่งปรากฎการณ์เหล่านี้มักจะมีแนวโน้มทำให้คนส่วนมากไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดบาป 7 ประการ
ข้างล่างต่อไปนี้จะบอกถึงเหตุผลว่า......
"ทำไมมนุษย์เราไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาป"

1. เพราะคนคิดว่าถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็ไม่บาป

แท้จริงแล้ว "บาปหรือไม่บาป" นั้น ไม่ใช่เอากฎเกณฑ์หรือมาตรฐานทางกฎหมายมาเป็นตัววัด แต่ต้องเอาจากมาตรฐานศีลธรรมที่มีจารึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์มาวัด (โรม 2.15)
แน่นอน การฆ่าคน ปล้น จี้ นั้นผิดกฎหมายจะต้องติดคุก แต่การอิจฉาริษยา หยิ่งจองหอง โกหก ล่วงประเวณี เหล่านี้ไม่ได้ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรม เพราะฉะนั้น ถึงแม้เขาจะไม่ทำผิดกฎหมายแต่เขาก็บาปอยู่ดี แต่ถ้าหากเอาเข้าจริง ๆ แล้วมีใครบ้างในโลกที่ไม่เคยทำผิดกฎหมาย

2. เพราะเราคิดว่าแค่คิด แต่ไม่ทำออกมาก็ไม่บาป

"ฉันคิดมีเพศสัมพันธ์กับเขา แต่ฉันไม่ทำออกมาจริง ๆ ฉันผิดด้วยหรือ เชอะ... ฉันไม่บาปหรอก"
แต่พระคัมภีร์ได้บอกอย่างชัดเจนว่า "การคิดชั่วเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องกระทำออกมาก็บาปแล้ว"
เช่น ถ้าเราคิดล่วงประเวณีก็เท่ากับเราได้ล่วงระเวณีแล้ว (มัทธิว 7.28) ถ้าเราคิดกลียดคนก็เท่ากับเราได้ฆ่าคนแล้ว (1 ยอห์น 3.15) และการกระทำบาปที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ก็มีที่เริ่มต้นมาจากความคิดชั่วในใจมาก่อนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นคิดชั่วแต่ไม่ได้กระทำออกมาก็บาปครับ

3. เพราะว่าเขาคิดว่าทำบาปเล็กไม่บาป บาปใหญ่ซิบาป

หลายคนคิดว่า "ขโมย 1 บาทไม่ผิด ขโมยเป็นร้อยเป็นพันซิบาป" "โกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่บาป กหกหลอกลวงใหญ่ ๆ ซิบาป" ขอถามคุณหน่อยเถิดว่า ถ้ามีใครสักคนที่เสื้อของเขาเกิดมี "ขี้หมา" จุดเล็ก ๆ คุณจะถอดเสื้อตัวนั้นออกไหม แน่นอนเขาจะรีบถอดออก แล้วรีบเอาไปซักทันที (ถึงแม้ซักแล้วก็ยังรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ดี) ใครคงจะไม่มีทางรอให้เปื้อน "ขี้หมา" จนหมดทั้งตัวจึงค่อยถอดเสื้อออกแน่นอน แต่แค่เปื้อนจุดเดียวคุณก็ถอดเสื้อทิ้งแล้ว พราะฉะนั้น บาปเล็กก็ชั่วและบาปเหมือนบาปใหญ่ครับ

4. เพราะเขาคิดว่าไม่มีใครรู้ก็ไม่บาป

ถ้าใครคิดว่าเช่นนี้ก็นับว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักคิดจริง ๆ เพราะเอาเข้าจริง ๆ แล้วไม่มีใครรู้จักจริงหรือ คนจีนมีสำนวนที่ว่า "คุณรู้ ผมรู้ ฟ้ารู้ ดินรู้" อย่างน้อยก็มีคุณคนหนึ่งล่ะที่รู้อยู่แก่ใจ เช่นนี้แล้วจะยังไม่บาปอีกหรือ พระคัมภีร์ได้บอกเราอย่างชัดเจนว่า เมื่อเราทำบาปอย่างน้อยมี 3คนที่รู้ ก็คือ ตัวเอง พระเจ้า และ มารซาตาน (มารนี้แหละที่มันชอบเสนอความคิดให้มนุษย์ปิดความผิดความบาป) เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเมื่อเราทำบาปไม่มีใครรู้อีกต่อไปเลยครับ

5. เพราะเขาคิดว่าฉันไม่ทำอะไรก็ไม่บาป

"ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันจะผิดได้อย่างไร" ถ้าผมเห็นคนตาบอดคนหนึ่งกำลังเดินไปที่เหว แล้วผมก็อยู่เฉย ๆ ไม่บอก ไม่เตือน ไม่ช่วย หรือฉุดเอาไว้ แล้วคนตาบอดคนนั้นก็ตกเหวตาย คุณคิดว่าผมบาปมั้ย
(ผมไม่ได้ทำอะไร)... บาปแน่นอน พระคัมภีร์ได้บอกพวกเราว่า

"ผู้ใดรู้ว่าอะไรดี สมควรทำ แต่ไม่ทำก็บาป" (ยากอบ 4.17)

เพราะฉะนั้นรู้ว่าควรทำแต่ไม่ทำก็บาปครับ

6.เพราะเอาตัวเองไปเทียบกับคนที่เลวกว่า

หลายคนคิดว่าตัวเองไม่บาป สาเหตุประการหนึ่งก็คือ นำตัวของเขาเองไปเทียบกับคนที่เลวกว่าน่นอนเมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ดีกว่าวันยังค่ำ ถ้าเขาลองนำตัวเองไปเทียบกับคนที่ดีกว่าเขา เขาก็ยังมีบาปอยู่ดี

7.เขาบอกว่าฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำดีแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำผิดอีก เพราะฉะนั้นฉันไม่บาป

หลายคนเคยทำผิดพลาดในอดีต แต่ต่อมาก็สำนึกตนและเริ่มกระทำแต่ความดี ก็เลยคิดว่าฉันเป็นคนดีแล้ว เขาจะเป็นคนดีเหมือนที่เขาคิดจริงหรือ บาปที่เขาทำมาในอดีตนั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะแกล้งลืมหรือให้มันผ่านไปง่าย ๆ หรือ เขาสามารถอภัยให้ตนเองได้หรือ ถ้าคนหนึ่งได้ทำผิดกฎหมาย แล้วถูกนำตัวมาขึ้นศาล ถ้าเขาบอกกับผู้พิพากษาจะทำตามที่เขาขอร้องหรือ ไม่มีทาง เขาต้องติดคุกแน่นอน การไม่ทำบาปของคุณในเวลานี้ไม่ใช่จะทำให้คุณเป็นคนดี เพียงแต่ทำให้ข้อหามันน้อยลงหน่อยเท่านั้นเอง เราก็ยังมีบาปอยู่ดี

จากข้างต้นนี้ทำให้เราเห็นว่า ไม่มีใครในโลกเลยที่ไม่เคยทำบาป และในพระคัมภีร์ก็ได้บอกว่า นอกจากบาปที่มนุษย์ได้กระทำกันอยู่ทุกวันนี้แล้ว ยังมีความผิดบาปที่ใหญ่หลวงที่สุดที่มนุษย์ได้
กระทำนั้นก็คือ "การปฎิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาขึ้นมา"

ทำไมจึงนับว่าเป็นบาปใหญ่หลวงล่ะ ?

คุณลองคิดดูซิว่าถ้าผมเลี้ยงลูกจนโต แต่ลูกไม่เคยมีจิตใจที่ให้ผม  หรือมีการกระทำที่แสดงถึงการสำนึกในพระคุณของพ่อแม่แม้แต่น้อย ลูกบางคนยังบอกว่า พ่อแม่ไม่เห็นให้อะไรเลย คุณจะดีใจไหมที่ลูกของเราเป็นอย่างนั้น คุณคิดว่าเป็นบาปใหญ่หลวงไหม ?  มันคงเป็นบาปใหญ่หลวงแน่ ๆ

เช่นเดียวกัน พระเจ้าผู้ทรงสร้างขึ้นมานั้น พระองค์ได้ทรงประทาน อากาศ น้ำ อาหาร และทุกสิ่งในโลกให้มนุษย์ได้ใช้เพื่อที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่มนุษย์กลับไม่มีจิตใจที่จะขอบพระคุณและสำนึกในพระคุณของพระองค์ไม่ แต่พวกเขากลับปฎิเสธและต่อต้านพระองค์ แน่นอน ความบาปเหล่านี้ที่พวกเขาได้ทำ จะนำพวกเขาไปสู่การพิพากษาหลังจากที่พวกเขาจากโลกนี้ไป 

แน่ที่เดียวคนจำนวนเป็นล้านๆ ไม่กลัวเหตุการณ์ที่ยังดูเหมือนไกลจากชีวิตในปัจจุบัน แต่การพิพากษาลงโทษทางวิญญาณก็คือ การที่วิญญาณของมนุษย์ถูกนำไปทรมานด้วยการ  ให้อยู่ในบึงไฟที่ไม่รู้จักดับ และวิญญาณก็ไม่มีการตายด้วย

พระคัมภีร์ได้บอกว่า การที่วิญญาณถูกทิ้งลงไปในบึงไฟนรกนั้น คือการตายครั้งที่สอง



พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 21 ข้อที่ 8

"แต่คนขลาด คนไม่เชื่อคนที่น่าเกลียดน่าชัง คนที่ฆ่ามนุษย์ คนล่วงประเวณี(สำส่อนทางเพศ) คนใช้เวทมนตร์ (คุณไสย ไสยศาสตร์ หมอดู) คนไหว้รูปเคารพ (กราบไหว้สิ่งใดๆ ที่ทำด้วยมือมนุษย์ หรือ สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ นับถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นที่พึงทางใจ) และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น   มรดกของเขาอยู่ที่ในบึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น นั่นคือความตายครั้งที่สอง”


แต่เพราะความรักที่พระเจ้าทรงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น พระองค์จึงได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์คือพระเยซูคริสต์มาตายบนไม้กางเขน เพื่อรับโทษแทนคนเหล่านั้นที่สำนึกในความผิดบาปของตนเอง และหันกลับมาหาพระองค์

ทุกคนที่ยอมถ่อมใจร้องขอต่อพระเจ้า  พระองค์จะทรงเอาบาปที่พวกเขาได้ทำมาวางไว้บนพระเยซูคริสต์ เมื่อเป็นเช่นนี้ความบาปที่เขาได้ทำก็จะหมดไป... เขาจะพ้นจากการพิพากษา และจะได้อยู่สวรรค์กับพระเจ้าเป็นนิตย์เมื่อเขาจากโลกนี้ไป โอกาสที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์นี้ ก็ตราบที่เขายังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น หมดลมหายใจเมื่อไหร่ก็หมดโอกาสเมื่อนั้น

คำพยานประสบการณ์การอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย

วันนี้เราไปเยี่ยมคริสตจักร บ้านป่าเมี้ยน ซึ่งเป็นคริสตจักรของพี่น้องอาข่า ระยะทางจากปากทางบ้านป่าซางถึงที่นี้ประมาณ 10 กิโลเมตร เราต้องขับรถขึ้นไปบนเขา เพราะคริสตจักรอยู่บนดอยสูงพอควร พี่น้องที่นี้ให้การตอนรับเราดีมาก

มีเด็กๆ ประมาณ 20 กว่าคน และผู้ใหญ่อีกประมาณ 30 คน พี่น้องเข้าร่วมการนมัสการแล้ว มีมิชชั่นนารีชาวอินเดียและภรรยาช่วยมาสอน มาเทศนาประจำที่นี้นานพอควร แต่พวกเขาดูไม่ค่อยสนใจเรามากนัก ทั้งที่วันนี้เรามาเพื่อจะเทศนาแต่มิชั่นคนนี้ก็ยังเทศนาเสียยืดยาว แล้วก็ออกจากโบสถ์ไปก่อนการนมัสการจะเลิก อ้างว่าจะไปงานศพเจ้าของบ้านเช่าของพวกเขาในเชียงราย เราจึงต้องขึ้นเทศนาต่อจากเขา ผู้นำคริสตจักรก็คงเกรงใจเราที่เกือบจะไม่ได้แบ่งปันพระพรแก่พี่น้องในวันนี้ เนื่องจากมีเวลาเหลือไม่มากนักเราจึงไม่เทศนายาว เพราะต้องมีการแปลเป็นภาษาอาข่า เพื่อให้พี่้น้องอาข่าได้เข้าใจ แม่ของวิภา คุณบูบาเป็นคนแปล เป็นภาษาอาข่า

เราแบ่งปัน ในหนังสือ 1 โครินธ์ บทที่ 1 ข่าวประเสริฐของพระเยซูไม่ใช่เรื่องความรู้ ไม่ใช่ชั้นเชิงในการพูดแต่เป็น ฤทธฺ์เดช เป็นการสาธิตให้ดูว่า พระเจ้าองค์เที่ยงแท้สามารถช่วยคนได้จริงๆ ไม่ต้องรอให้ตายก่อนค่อยไปพบพระเจ้า

หลังจากนี้เราจึงเชิญให้พี่น้องที่ต้องการกลับใจ ขอการยกโทษบาปผิดจากพระเยซู มีพี่น้องเกือบทั้งโบสถ์ลุกขึ้น เดินมาข้างหน้าเพื่ออธิษฐานสารภาพบาปและกลับใจใหม่ หลังจากนี้เราจึงอธิษฐานวางมือเพื่อให้พระเยซูคริสต์รักษาอาการป่วยต่างๆ มีอาการ ปวดท้องเรื้อรัง ปวดโรคกระเพาะ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหัวข้างเดียว มือเ้จ็บ ขาปวด แขนชาไม่มีแรง แขนพับไม่ได้ หูไม่ได้ิยิน ทุกคนได้รับการรักษาอย่างอัศจรรย์

มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 5 ขวบ ชื่อ หมีตี ไม่มีพ่อแม่อยู่กับผู้หญิงใจดีคนหนึ่ง เธอป่วยเป็นโรคมักจะปวดท้องเป็นประจำ ภรรยาและเราช่วยกันอธิษฐานเผื่อ ปรากฎว่าเด็กหญิงคนนี้อวกอย่างรุนแรง ประมาณ 10 นาที หลังจากนี้เธอก็ได้รับการปลดปล่อยจากพระเยซู เธอร้องไห้ขณะที่เธออ้วกเอาสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่รบกวนภายในร่างกายเธอออกมาอย่างที่เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ผมก็ไม่เคยเห็น ว่าพระเยซูคริสต์สามารถขับวิญญาณบางอย่างที่รบกวนและสิงสู่อยู่ในร่างกายของคนเราออกมาได้ ที่เรารู้เพราะเด็กหญิงได้บอกกะเราภายหลังจากหายจากการปวดท้องว่าเธอได้เห็นบางสิงสีดำๆ เป็นเงาดำพุ่งออกมาจากปากของเธอขณะที่เธอกำลังอ๊วกเอาสิงนั้นออกมาเนื่องจาก พวกมันไม่สามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของเด็กน้อยได้อีกต่อไปเพราะฤทธิ์เดชของพระิวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าขับมันออกมา

นอกจากนี้มีผู้ชายกลางคนอีกหลายคนได้รับการปลดปล่อยจากความเจ็บป่วย พวกเขาอ๊วกเอาบางสิงออกมาจากร่างกายขณะที่ได้รับการอธิษฐานวางมือ พวกเขาได้รับการปลดปล่อยอย่างอัศจรรย์จริง

มีผู้ชายหนุ่มอีกคนหนึ่่งที่ไปสักมังกรมา และเราได้เจิมน้ำมันและขับผีออกมาจากร่างกายของเขา

วีดีโอ ที่ถ่ายทำไว้จากเหตุการณ์จริง

คลิกเพื่อเปิดดูในยูทูบส์

วีดีโอ 1 ขับวิญญาณแห่งความป่วยไข้ 1

วีดีโอ 2 คำพยานรับการรักษาด้วยฤทธิ์อัศจรรย์ในพระนามพระเยซู

วีดีโอ 3 คำพยานข้อมือปวดหายทันที

วีดีโอเหล่านี้บันทึกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ณ หมู่บ้านป่าเมี้ยน อ.แม่จัน จ.เชียงราย
เป็นเหตุการณ์จริงมีผู้เห็นอยู่ในเหตุการณ์หลายสิบคน สามารถไปสอบถามคนที่หมู่บ้านได้ว่าเป็นเหตุการณ์จริง

พระเยซูคริสต์ไม่ใช่พระเจ้าทางศาสนาที่ตายไปแล้ว และช่วยใครไม่ได้ แต่เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่และสามารถช่วยทุกคนที่ถ่อมตัวลงแสวงหา เรียกหาพระองค์ได้ ผมและครอบครัวขอเป็นพยานด้วย บทความนี้และ ด้วยภาพถ่ายวีดีทัศน์เหล่านี้

ถ้าท่านเชื่อพระเยซูท่านจะพ้นจากเคราะห์กรรมเวรกรรม ไม่ต้องไปชดใช้กรรม ไม่ต้องไปปล่อยปลาไหล ปล่อยนก ปล่อยเต่าเพื่อสร้างบาปซ้อนบาป เพราะการทำอย่างนั้น มันยิ่งเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมแก่สัตว์เหล่านั้น เพราะมันถูกจับมาเพื่อให้คนเอาไปปล่อยในที่ที่มันไม่คุ้นเคย ไม่มีแหล่งอาหารที่มันรู้จัก แล้วพวกมันจะสามารถมีชีิวิตอยู่ได้อย่างไร ศาสนาและ ไสยศาสตร์สอนให้คนทำดี แต่มีใครทำดีไม่มีบาปได้บ้าง

พระเยซูสอนว่า ถ้าท่านทั้งหลายวางใจในเราท่านทั้งหลายจะไม่พินาศแต่มีชีวิตอันเป็นอมตะ
ท่านไม่ต้องเอาเงินไปซื้อบุญกับศาสนาใดๆ รวมทั้งศาสนาคริสต์ด้วย เพราะพระเจ้าไม่ได้ตัดสินมนุษย์ด้วยการมีบุญมาก หรือมีบุญน้อย แต่พระเจ้าจะช่วยคนเหล่านั้นทุกคนที่รู้ตัวว่าเป็นคนบาป ช่วยตัวเองไม่ได้
ถูกโรคร้ายวิญญาณผี รบกวน ให้มาหาพระเยซู พระองค์ช่วยท่านได้อย่างแน่นอน

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า

เราเป็นทางนั้น (ทางไปสวรรค์)
เราเป็นความจริง (ความจริง เป็นสิ่งที่เป็นสัจจะไม่ใช่ทางล่อลวง หรือเหลวไหล หลอกต้ม เอาเงิน หรือ ซื้อบุญ)
เราเป็นชีวิต (ผู้ใดเชื่อพระเยซู ถึงแม้่เขาตายแล้ว เขาจะกลับฟื้นขึ้นมาอีกในวันพิพากษาโลก)
ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดา( พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ผู้ปกครองสรรพสิ่ง) ได้ยกเว้นมาทางเรา (พระเยซูคริสต์เท่านั้น)

ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านให้ได้รู้จักกับความจริง

ถ้าท่านทั้งหลายได้รู้จักความจริง ความจริงจะปลดปล่อยท่านให้เป็นไท (ยอห์น 8.32)
ท่านไม่ต้องไปเป็นทาสของเวรกรรม ศาสนา ไสยศาสตร์ ลัทธินอกรีต ไม่ต้องไปบูชาเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ผีสาง เทวดาอะไรอีกแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะทำอันตรายใดๆ แก่ลูกของพระเยซูได้เลย

ขอให้ท่านกลับใจใหม่ เลิกทำบาปชั่ว ทุกชนิดหันมากราบไหว้พระเจ้าที่มีชีิวิตอยู่ที่สามารถช่วยท่านได้ ดีกว่าการไปกราบไหว้ ก้อนดิน หิน ทราย ต้นไม้ รากไม้ ทองเหลือง ทองแดง บ่อน้ำ ภูเขา แม่น้ำ ดวงดาวต่างๆ หรือรูปปั้น หรือสิ่งใดๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความคิดและจินตนาการของมนุษย์ เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยฝีมืออันงามวิจิตรของผู้ชำนาญ แต่สิ่งเหล่านี้ พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิได้เขียนไว้ว่า

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พระเจ้า มันเป็นเพียงรูปเคารพที่ไร้ชีวิต
เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้มีวิญญาณต่างๆ ที่คอยทำลาย และแสวงหาประโยชน์จากความกลัวของมนุษย์

ถ้ามนุษย์สร้างพระเจ้าได้ พระเจ้าก็คงไม่เป็นพระเจ้า

ถ้ามนุษย์สร้างพระเจ้าได้ มนุษย์ก็เป็นพระเจ้าของพระเจ้าอย่างแน่แท้

คำสอนที่อ้างว่า ให้มีปัญญา ให้มีสติ ให้รู้ แท้จริงเป็นอะไรกันแน่
ศาสนาต้องการเงิน เพื่อค้ำชูศาสนา ศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีเท่านั้น
แต่มีพระเจ้าองค์ไหน สัญญาว่า ถ้าใครเชื่อในพระองค์แล้วจะได้พบพระเจ้าบ้าง

ถ้าเราไปสวรรค์ด้วยการทำความดี เราต้องทำความดีขนาดไหนล่ะ
เราต้องทำเท่าไหร่ถึงจะได้รับชีวิตที่ครบถ้วนสมบูรณ์

มนุษย์ทุกวันนี้แสวงหาอะไรกันแน่ สิ่งไหนกันแน่ที่ทำให้มนุษย์อิ่มใจ

พระเยซูคริสต์พูดว่า
บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา
แล้วเราจะให้ท่านหายเหนื่อยเป็นสุข


ขอพระเจ้าอวยพระพรผู้อ่านทุกคน

Which is a true God? - เชื่อพระเจ้าองค์ไหนดีล่ะ-



--> ทำไมเราต้องรู้จักพระเยซู

ให้เรามาลองเล่เกมส์เสี่ยง ทายในประเด็นที่ว่ามีพระเจ้าหรือไม่ ถ้าท่านชนะเกมส์นี้ ท่านได้ทุกสิ่ง ถ้าท่านแพ้ ท่านไม่มีอะไรที่ต้องเสีย
ลงมือเลยครับ

ผมไม่เถียงเลยว่า มันยากที่จะให้คนเปลี่ยนวิถีความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องอารมณ์ บุคลิกภาพ และที่สำคัญในเรื่องการวางใจใน “วิญญาณ” มาเกี่ยวข้อง เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมคนจึงอยากจะเปลี่ยนความเชื่อของเขา และหันมาวางใจพระเยซูคริสต์ให้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า? การวางใจในเรื่องจิต วิญญาณมา จากความเชื่อ (วางใจในสิ่งที่ ไม่อาจเห็นได้) แต่ความเชื่อของเรามีประจักษ์พยานสนับสนุน ไม่ใช่การวางใจในนิทานหรือเทพนิยายน้ำเน่าที่เล่ากันมาปากต่อปาก ประจักษ์พยานที่สนับ สนุนว่า มีพระเจ้า ซึ่งเป็นวิญญาณ และเป็นผู้สร้างจักรวาล สร้างโลกฝายกาย และฝ่ายวิญญาณ และควบคุมทุกสิ่งในจักรวาฬ

- ประจักษ์พยานที่ว่าคือความสลับซับ ซ้อนของระบบจักรวาล ถ้าเราและท่านใช้สมองคิดสัก หน่อย ก็จะเห็นว่าจักรวาฬและสิ่งที่อยู่ในจักรวาฬสลับซับซ้อนเกินกว่าที่มันจะ สร้างตัวมันเองได้ ดังนั้นแล้ว จะต้องมีผู้หนึ่ง ซึ่งมีสติปัญญาและฤทธิ์เดชมหันต์เป็นผู้สร้างจักรวาลนี้ให้ดำรงอยู่ และให้มันทำหน้าที่เป็นเวลาหลายพันปีโดยไม่เปลี่ยน ถ้า ท่านมองดูที่นาฬิกาข้อมือของท่าน ถึงแม้ว่าท่านไม่รู้ว่านาฬิกานั้นถูกทำขึ้นมาได้อย่างไร ท่าน ย่อมทราบแก่ใจดีว่ามันสร้างตัวมันเองไม่ได้ จะต้อง มีคนมีสติปัญญาสร้างมันขึ้นมา ทำนองเดียวกันเองนี้แหละ จักรวาฬจะอยู่ได้ และทำหน้าที่ของมันโดยไม่มีพระเจ้าซึ่งมีสติปัญญามิได้ มีกฏแห่งความเป็นจริงกล่าวว่า “ที่ใดที่มีความ เป็นระเบียบ ที่นั้นย่อมมีสติปัญญา” ทุก คนย่อมรู้ดีว่า นอกจากมีชีวิตฝ่ายกายแล้ว เขายังมีวิญญาณจิตอีกด้วย

ท่านอาจถามว่ามนุษย์มีวิญญาณจิตไว้ทำไมกัน ? คำตอบคือ มันมีไว้ให้เรารู้ว่ามีพระเจ้าซึ่งเป็นวิญญาณ และสามารถสื่อสารกับเราทางวิญญาณจิต เรารู้ว่าพระองค์สื่อสารกับเราจากเสียงฝ่ายวิญญาณ คนหลายคนมักกล่าวว่า “ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว “ จริงครับ ! ทำไม จึงต้องมีกฎแห่งกรรมนี้? คำตอบคือทำไมเราถึงจะไม่ได้ดี หรือ รู้สึกดีละ ถ้าเราทำดี เพราะพระเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณตรัสแก่เราว่ามันต้องเป็นเช่นนี้ พระองค์สั่งให้มันเป็นเช่นนั้น และย่อมเป็นจริงกับทุกคน นอกจากนั้น ท่านยังทราบอีกด้วยว่าท่านมีวิญญาณจิตเพราะเราทุกคนต่างทราบดีว่าเราจะได้ บำเหน็จ หรือไม่ก็ถูกลงโทษหลังจากผ่านชีวิตในโลกนี้แล้ว ที่ เราทราบเช่นนี้เพราะพระวิญญาณของพระเจ้าตรัสกับเรา แต่ เดชะบุญ พระเจ้าผู้เป็นพระวิญญาณนี้เป็นพระเจ้าแห่งความรักด้วย และพระองค์ทรงรักท่าน และประทานหนทางหนึ่งให้ทุกคนได้รับการให้อภัยบาปที่ได้ทำในชาตินี้

พระเจ้าผู้เป็นพระวิญญาณนี้ได้เคยมาในโลกนี้ โดยได้ประสูติในทวีปเอเชีย ประเทศอิสราเอล เป็นทารก ชื่อ เยซู ซึ่งมีความหมายว่า “พระเจ้าสถิตอยู่ กับเรา” ทารกนี้ไม่ได้ถือกำเนิดจากบิดา เหมือน อย่างเราๆท่านๆ แต่ทรงถือกำเนิดจากพระวิญญาณของพระเจ้า ผู้ทำการอัศจรรย์ ทำให้หญิงพรหมจรรย์คนหนึ่งเป็นพระมารดาของพระองค์ ดัง นั้น พระเยซูไม่เป็นเพียงพระเจ้าเท่านั้น พระองค์ยังเป็นพระบุตรของพระเจ้าด้วย บัดนี้หนทางที่เราจะได้รับการอภัยบาปคือวางใจในพระเยซู คริสต์ ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า

พระเจ้าสัญญาว่าถ้าเราวางใจให้พระเยซูคริสต์เป็นองค์พระ ผู้เป็นเจ้าองค์เดียวในชีวิต พระองค์จะอภัยบาปแก่เรา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์จะประทับในวิญญาณจิตของเรา และทำให้เรามีชีวิตที่แท้จริงสืบๆไปเป็นนิตย์ เรา ไม่ต้องรับโทษบาป และเราจะได้รับการต้อนรับให้เป็นบุตรของพระเจ้าตลอดไป ดัง นั้น ผมจึงเห็นท่านไม่น่าจะเสียอะไรจากการวางใจพระเจ้าผู้สูงสุด คือพระเยซูคริสต์ ให้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของวิญญาณจิตของท่าน ถ้าพระเจ้าเป็นจริงตามประจักษ์พยานที่กล่าวข้างต้น ท่านจะเสียหายมากหากท่านไม่วางใจในพระองค์

ปาสคาล นักปราชญ์ที่มีชื่อในยุคศตวรรษ 17 กล่าวว่า “การเชื่อในพระเจ้า ผู้สร้างจักรวาฬเป็นการวางเดิมพันที่ฉลาด” พระเยซู คริสต์ยอมให้พระองค์ ถูกตรึงบนกางเขนโดยผู้ที่เกลียดพระองค์ การตรึงบนกางเขนเป็นรูปแบบการประหารชีวิตในสมัยนั้น พระ เยซูมีฤทธิ์เดชที่จะช่วยพระองค์เองให้รอดและ ไม่ ตาย แต่พระองค์ยอมถูกตรึง เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะถวายเครื่องบูชาเพื่อชดใช้หนี้บาปที่พระเจ้าพอ พระทัย โดยวิธีนี้ พระเยซูเองจึงเป็นเครื่องบูชาที่จ่ายหนี้บาปเพื่อผมและท่าน ประจักษ์พยานที่ว่าสิ่งที่ กล่าวมาข้างบนนี้เป็นจริงคือ พระเยซูได้เป็นขึ้นจากความตายหลังจากวายพระชนม์บนกางเขนได้สามวัน ทั้งผมและท่านจึงสามารถมีความเชื่อนี้ได้ และรู้ว่ามันเป็นวิธีการของพระเจ้าเพื่อให้เราเป็นบุตรของพระองค์ การเป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุดเป็นของประทานของพระเจ้าแก่ท่าน

พระเจ้าสามารถอภัยบาปทั้งสิ้นของเรา เพราะพระเยซูยอมสละชีพเป็นเครื่องบูชา พระเจ้าต้องการให้เราบอกกับ พระองค์ว่าเราต้องการมอบ ความไว้วางใจและความภัคดีแก่พระองค์แต่ผู้เดียว พระองค์ ต้องการให้เรามอบชีวิตของเราแก่พระองค์ทุกๆวันโดยการเชื่อในพระเยซูคริสต์ และดำรงชีวิตเพื่อพระองค์ ท่านสามารถบอกกับพระเจ้า ว่านั้นคือสิ่งที่ท่านต้องการบัดนี้ ต่อไปนี้คือคำ อฐิษฐานแบบหนึ่งเพื่อรับความรอดพ้นจากบาป ท่านต้องอ ฐิษฐานออกจากจิตใจของท่าน คือทุกถ้อยคำต้องตรงกับจิตใจของท่าน ถ้าท่านทำได้เช่นนั้น ท่านจะรอดพ้นจากความผิดบาป และได้เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด

จงเริ่มต้นดังต่อไปนี้ พระ บิดาครับ ผมทราบดีว่าผมได้ละเมิดบัญญัติของพระองค์ และบาปของผมได้ทำให้ผมถูกตัดขาดจากพระองค์ ผมเสียใจจริงๆครับ บัด นี้ ผมต้องการหันหลังให้ชีวิตเก่าๆที่เป็นบาป และดำรงชีวิตต่อไปเพื่อพระองค์นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผม เชื่อว่า พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เป็นทางเดียวที่เราจะได้รับการให้อภัยและเป็นบุ ตของพระองค์ ผมเชื่อว่า พระเยซูได้ใช้หนี้บาปของผมเมื่อพระองค์วายพระชนม์บนกางเขน และพระองค์ได้เป็นขึ้นจากความตายในวันที่สามหลังจากสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้วายพระชนม์เพื่อพิสูจน์ว่านี่ เป็นหนทางสำหรับ เราที่จะได้รับการอภัยบาป และได้เป็นบุตรของพระองค์ ผม ต้องการเชิญพระเยซูเป็นองค์พระผู้ เป็นเจ้าของผม โปรดให้อภัยแก่ผม และรับผมไว้เป็นบุตรของพระองค์ และขอประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อที่จะนำพาและปกป้องผมตลอดไป In Jesus' name I pray, Amen." ผมอฐิษฐานสิ่งเหล่านี้ในพระนามพระเยซู อาเมน

ที่มา: http://www.sawadeejesus.com/id15.html

.............................

โทษ ของการทำบาปมีจริงหรือ
โทษ ของบาปคือความตาย : โรม 6:23 – เพราะ ว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระ เจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
พระเจ้าต้องการมี ความสัมพันธ์กับเรา แต่ เนื่องจากบาปของเรา ซึ่งอาจเป็นตั้งแต่การขัดขืนต่อพระเจ้า จนถึงการไม่แยแสต่อพระเจ้า สิ่งจำพวกนี้แหละเป็นเหตุให้เราขาดสามัคคีธรรมกับพระเจ้า ถึง แม้เราจะพยามหนักที่จะเข้าถึงพระเจ้า เป็นต้นว่าพยายามประพฤติตนเป็นคนดี มีศิลมีสัตย์ หรือเสาะหาปรัชญา / ศาสนาก็ตามทีเถอะ เรามักล้มไม่เป็นท่าเสมอ โปรดพิจรณาแผนภาพขวามือ จะเห็นว่าการพยายามอย่างดีที่สุดของเราไม่อาจเชื่อมช่องว่างระหว่างเรากับ พระเจ้าได้ นอก ไปจากนั้นแล้ว บาปของเราทำให้เราสมควรต้องตาย เรามีความผิดเหมือนอาชญากรคนหนึ่ง และได้ถูกพิพากษาแล้วให้ถึงตายไปชั่วนิรันดร์

เราได้รับการให้กลับคืนดี – พระเยซูคริสต์ได้รับโทษแห่งความบาปแทนเราบนกางเขน ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้รับการคืนดีกับพระเจ้าได้ โดย ทางพระเยซูคริสต์ทางเดียวเท่านั้น เราสามารถมีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับพระเจ้าได้ พระเยซูวายพระชนม์แทนเรา : พระธรรมโรม 5:8 -แต่พระเจ้าทรง สำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็น คนบาปอยู่นั้น พระ คริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

พระธรรม 1 คร.15:3-6 เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้ นั้น ข้าพเจ้า ได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คือ ว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ตามที่มี เขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น พระองค์ทรงปรากฏแก่เคฟาส แล้วแก่อัครทูตสิบสองคน ภายหลัง พระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราเดียวกัน ซึ่ง ส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บางคนก็ล่วงหลับไปแล้ว พระเยซูเป็นทางเดียวสู่พระเจ้า : พระธรรม

ยอห์น 14:6 : พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ เราเป็นทางนั้น เป็น ความจริง และเป็นชีวิต ไม่ มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” อาชญากรรม ที่เราก่อ (บาป)ของเราได้ลงโทษเราถึงตาย และทำให้เราถูกตัดขาดจากพระเจ้า แต่พระเยซูได้มารับโทษนี้แทนเราบนกางเขน เราจึงไม่ต้องรับโทษนี้ พระ เยซูได้เป็นขึ้นจากความตายเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีอำนาจ เหนือความตาย เนื่องจากพระเยซูได้ตายแทนเราแล้ว บาปของเราจึงได้รับการอภัย กล่าว คือ การลงโทษที่เราควรได้รับก็ถูกยกเลิกไป โปรดดูแผนภาพด้านซ้าย พระเยซูเชื่อมช่องว่างระหว่างเรากับพระเจ้าเมื่อพระองค์ตายบนกางเขนเพื่อใช้ หนี้บาปของเรา พระองค์เป็นทางเดียวเท่านั้นที่นำ เรา สู่พระเจ้าได้ พื้นฐานของความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ผมจะเชื่อพระเยซู ได้อย่างไร ? การเป็น คริสเตียน เป็นเรื่องง่าย ขอบพระคุณพระเจ้าที่ พระองค์ไม่ได้ทำ ให้มันเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามพระองค์

พระเจ้าตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า มีสิ่งง่ายๆ สองสิ่ง ที่เราต้องทำตาม ความเชื่อ ในการเชื่อพระเยซู สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ เชื่อในเนื้อหาสาระของความเชื่อในพระเยซูคริสต์ : พระเจ้ารักท่าน และต้องการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับท่าน ความเชื่อ ในการเป็น คริสเตียน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ : พระเจ้ารักท่าน และต้องการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับท่าน เราทั้งหลายล้วนถูก ตัดขาดจากพระเจ้า เพราะความบาปของเรา ดังนั้น เราจึงไม่อาจประสพกับความชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ พระคัมภีร์สอนว่า เพียงแค่มีความเชื่อง่ายๆเท่านั้นที่เป็นเงื่อนไขที่จะได้รับความ รอดพ้นจากความผิด บาป

พระธรรมยอห์น บทที่ 3:1-21”......เพราะว่าพระเจ้าทรง รักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ
แต่มีชีวิตนิรันดร์.......
ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะ เขามิได้วางใจในพระนามพระ บุตรองค์ เดียวของพระองค์

ตัวอย่าง ที่ดีที่ สุดจะพบได้ในพระธรรมโรม 10:9-10 “คือว่าถ้าท่านจะรับ ด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่าพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด ด้วย ว่าความเชื่อด้วยใจนำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด การตอบสนองภายนอก ยังไม่สำคัญเท่าการตอบสนองภายใน

อย่างไรก็ตาม คนส่วนมากพบว่ามัน เป็นการดีที่จะสามารถบ่งชี้เวลาในอดีต เมื่อเขาตัดสินใจติดตามพระเจ้า ด้วยเหตุฉะนั้น จึงขอหนุนใจให้คุณทำอย่างน้อยที่สุดคืออฐฺษฐานต่อพระเจ้าในประเด็นดังกล่าว จงบอกพระเจ้าถึงสิ่งที่คุณคิด คำพูดที่คุณใช้ไม่สำคัญเท่ากับจิตใจของคุณ : วาจาไม่ใช่ “ของขลัง “ ที่จะเป่าเศกให้คุณ รอดพ้นความผิดบาป หรือ กันไม่ให้ได้รับความรอดพ้นจากความผิดบาป

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของคำอฐิษฐานที่คุณอาจนำมาใช้ได้
“พระ เยซู ผม ต้องการรู้จักพระองค์ ผม ต้องการให้พระองค์เข้ามาในชีวิตของผม ผมเสียใจ สำหรับสิ่งต่างๆที่ผมได้ทำไปจนทำให้ผมถูกตัดขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้า ขอบพระคุณที่การวายพระชนม์บนกางเขนนี้ทำให้ผมมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า ผมเชื่อว่า พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถให้พลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลง และเป็นบุคคลตามที่พระองค์ได้ทรงสร้างผมมา ขอบพระคุณที่อภัยความผิดพลาดในอดีต และประทานชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า ผมขอถวายชีวิตของผมแก่พระองค์ ขอทรงปั้นชีวิตนี้ ตามพระประสงค์ของพระองค์ อาเมน

ทันทีที่ได้ตอบสนอง ต่อเนื่อหาสาระของความเชื่อในพระเยซูคริสต์ คุณจะกลายเป็น คริสเตียน หรือ ผู้ติดตามพระคริสต์ การตอบสนองต่อข่าว ประเสริฐครั้งแรกนี้เป็นเพียงการเริ่ม ต้นของการเดินทางที่น่าตื่นเต้น โปรดอ่านเนื้อหาใน ตอนถัดไปจากเวบไซต์นี้ คุณจะเรียนรู้มากขึ้นถึงความเชื่อใหม่นี้ ถ้าคุณเพิ่งตัดสิน ใจเชื่อพระเยซู ผมขอหนุนใจให้คริสเตียนคนอื่นทราบด้วย เมื่อทำดังนี้แล้ว คุณจะมีเพื่อนเดินเคียงข้างไปกับคุณ ถ้าคุณประสงค์จะแจ้งให้เราทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจของคุณ โปรดติดต่อมาเพื่อเราจะได้อฐิษฐานเผื่อคุณ ความรอดพ้นความบาป ทางพระคริสต์ : เป็น เรื่องของความเชื่อ แผนการณ์ของพระเจ้า

คุณคิดอย่างไรถ้ามี คนได้ไปสวรรค์? มันเป็นเพราะโชค หรือ ? การ กระทำกิจของพระเจ้าหรือ ? มา ใช่ทั้งนั้นอย่างนั้นหรือ ? หรือว่าเป็นเพราะอย่างอื่น ? คำตอบของคำถามเหล่านี้พบได้ในพระคัมภีร์คือ :
เป็นเรื่องของความเชื่อ
F (Forgiveness) ตัวเอฟ คือการได้รับการอภัย ถ้าพระเจ้าไม่ให้อภัย แก่เรา เราไม่อาจมีชีวิตนิรันดร์ได้ พระธรรมเอฟัส 1:7 กล่าว ว่า “ใน พระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาป โดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์

A (Available) ตัวเอคือมีไว้ให้แล้ว การให้อภัยมีไว้ให้แล้วสำหรับทุกคุณ พระธรรมยอห์น 3:16 กล่าว ว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรง รักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุก คนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิ รัน ดร์ “ แต่การได้รับการอภัยไม่ได้มาอัตตโนมัติ ดังคำสอนใน มธ.7:21a : “ มิ ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์ เจ้าข้า’ จะ ได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์

I(Impossible) ตัว ใอ คือเป็นไปไม่ได้ มันย่อม เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะยอมให้บาปเข้าสู่สวรรค์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์และเราเป็นคนบาป พระเจ้ามีทั้งความรักและความยุติธรรม พระองค์ย่อมพิพากษาบาป พระธรรมยากอบ2:13aกล่าว ว่า “ เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่กรุณาต่อผู้ที่ไม่สำแดงความกรุณา” พระ ธรรมโรม 3:23 สอน ว่า “ เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า

T(Turn) ตัว ที หมายถึง เสียใจที่ทำบาป เราสามารถเสียใจที่ทำบาป หรือหันหลังให้บาป และจากการพึ่งตนเอง เพื่อตัวเอง พระ ธรรมลูกา 13:3b กล่าว ว่า “ แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กลับใจใหม่ จะต้องพินาศเหมือนกัน “ พระ ธรรมโรม 10:9 สอน ว่าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร “คือ ว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจ ว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่าน จะรอด “

H(Heaven) ตัวเอชคือ สวรรค์ สวรรค์ เป็นชีวิตนิรันดร์ ณ ที่นี้หมายถึง ชีวิตบริบูรณสุดขีด ดังมีคำสอนไว้ในพระธรรมยอห์น 10:10b “เรา ได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ” ตั้งแต่ข้อความนี้เป็นต้นไป สวรรค์หมายถึงพระสัญญาแห่งสวรรค์ ดังพระธรรมยอห์น 14:3 “เมื่อ เราไปจัดเตรียมที่สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับ ท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั้น “

เราจะได้รับการอภัย จากพระเจ้าได้อย่างไร ได้ไปสวรรค์ และชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร และรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัว และองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไร ? ทำ ได้โดยการวางใจในพระคริสต์และทูลขอการอภัยบาป จงก้าวออกไปด้วยความเชื่อ ตามนิยามใหม่ที่มีผู้ให้ไว้ดังนี้ :

“ผม มอบทุกสิ่งไว้กับพระองค์.” คุณทำเช่น นี้ได้ ด้วยการอฐิษฐานง่ายๆธรรมดาๆที่สะท้อนถึงความปรารถนาจะให้พระคริสต์เปลี่ยน ชีวิตคุณ คุณไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดสละสลวย เพียงแต่ขอให้คุณมีความจริงใจในทุกคำพูด คุณอาจอฐิษ ฐานได้ดังนี้ พระเยซู ผมรู้ดีว่าผมเป็นคนบาป และได้ทำหลายอย่างให้พระองค์ไม่พอพระทัย ผมเชื่อว่า พระองค์ได้วายพระชนม์เพื่อความผิดบาปของผม และผมก็เชื่ออีกด้วยว่า โดยทางความเชื่อในการวายพระชน์และการเป็นขึ้นจากความตายของพรองค์ทางเดียว เท่านั้นผมจะได้รับการอภัยบาปผิดที่ผมได้ทำ ผมต้อง การหันหลังให้บาป และขอเชิญพระองค์เข้ามาในชีวิตของผมเพื่อมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและองค์พระ ผู้เป็นเจ้าของผม นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะติดตามพระองค์ โดยการดำเนินชีวิตที่เป็นที่พอพระทัยพระองค์ ขอบพระคุณองค์พระเยซูเจ้าที่ได้ทรงช่วยให้ผมพ้นความผิดบาป อา เมน

การต้อน รับพระ คริสต์เป็นแค่การเริ่มการเผชิญภัยอันอัศจรรย์กับพระเจ้า จง พยายามรู้จักพระองค์ให้มากขึ้นดังนี้ : ·
รับศิลบัพติสมาเหมือนที่พระเยซูได้ทำเป็นแบบอย่าง ·
เข้าร่วมนมัสการพระเจ้าในคริสตจักร ที่ จะเสริมสร้างความเชื่อของคุณขึ้น ·
เข้าร่วมชั้นระวีวาระศึกษา และกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ ·
นมัสการ พระเจ้าเป็นการส่วนตัว ที่จะทำให้คุณสามาถศึกษาพระคัมภีร์และอฐิษฐาน
ผู้เชื่อพระเยซูที่แท้จริงทุกคนยินดี ที่จะได้ รับฟังจากท่าน โปรดอย่าได้เกรงใจที่จะถาม คำถามใดๆ เกี่ยวกับการเชื่อพระเยซู หรือแจ้งให้เราทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจของท่านที่จะติดตามพระคริสต์

สิ่งที่คนเข้าใจผิด “ ถ้าผมประพฤติดี ผมจะได้ไปสวรรค์.”

ดูคำสอนจาก พระธรรม เอเฟซัส 2:8-9 "ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็ด้วยโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้" ทิตัส3:5 กล่าวไว้คล้ายๆกันว่า "พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์"

ทำไมต้องรู้จักพระเยซู.. อะไรๆ ก็พระเจ้าๆ - Why do I need to know Yeshua?

ทำไมคริสเตียนจึงชอบอ้างว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่ยังเป็นอยู่ พระเจ้าที่เป็นอยู่มีหรือ?

ทำไมเมื่อคนเจ็บป่วย คนโชคร้าย
จึงพยายามหาที่พึ่งทางใจ
ทำไมต้องเชื่อพระเจ้า? พระเจ้ามีจริงหรือ?

มีคำตอบหลายประเด็นไม่ทราบว่าท่านจะลองพิจารณาดูไหมว่า มันเป็นเหตุเป็นผลหรือเปล่า


1. โลกนี้มีการปกครองฝ่ายโลกโดยรัฐบาล ฝ่ายวิญญาณคือโลกแห่งวิญญาณมีการปกครอง
โดยอำนาจใหญยิ่งสุงสุดคือพระเจ้า Yaweh
เมื่อมีการปกครอง ก็มีการบังคับตามกฎหมาย มีการให้รางวัล และการลงโทษ

2. มนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกนี้มีอายุได้ไม่เกิน 120 ปี เพื่อพิสูจน์ว่า เขาประพฤติอย่างไร
เมื่อมนุษย์สิ้นชีวิตแล้วจะต้องมีการพิพากษา ตัดสินว่าดีหรือเลวและจะมีการลงโทษคนทำชั่ว เนื่องจากวิญญาณของมนุษย์ต้องอยู่ต่อไปอย่างนิรันดร์ดังนั้นจึงต้องมีการคัดสรรวิญญาณ ชำระให้วิญญาณบาปเปลี่ยนใหม่ เพื่อจะได้ให้ไปอยู่ในเมืองสวรรค์ เพราะมิเช่นนั้นคนเลวๆ ในโลกนี้คงจะทำให้สวรรค์วุ่นวายเหมือนอย่างในโลกนี้ เมื่อเขากลายเป็นวิญญาณก็คงจะทำแบบเดิม เรื่องนี้คงจะเหมือนกับเจ้าของบริษัทที่ดี ที่ต้องการคัดคนงานตามคุณลักษณะที่ดี เพื่อให้เข้าทำงานตามตำแหน่งต่างๆ พวกเขาต้องคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติที่ดีด้วย

ความรู้ทางโลกสอนและทำให้เราเข้าใจว่า "มนุษย์คือตัวคน" แต่ แท้ที่จริงแล้วมนุษย์นั้นความเป็นตัวตนของเขานั้นอยู่ภายใน คือจิตใจและจิตวิญญาณ จิตวิญญาณนี้คงอยู่ตลอดไปเป็นนิจกาล

3. เพราะโลกมีวิญญาณสองอย่างคือวิญญาณเจ้าโลก และิพระิวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
ถ้
่าโลกแห่งวิญญาณไม่มีจริงมนุษย์คงมีไม่มีใครเชื่อเรื่องผี หลายๆ คนกลัวผี เคยมีประสบการณ์เรื่องผี เมื่อมีผี ก็ต้องมีผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าผี หรือวิญญาณต่างๆ พระคริสต์ธรรมคัมภีร์สอนไว้อย่างชัดเจนและมีคำจารึกเป็นหนังสือมาหลายพันปีแล้วว่าผู้สร้างสรรพสิ่งคือพระเจ้า พระนามของพระองค์คือ พระเจ้าผู้เป็นอยู่ (Yaweh) เพื่อพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีฤทธิอำนาจมากกว่าผี พระเจ้าจึงมอบอำนาจให้ผู้เชื่อพระเยซูมีอำนาจขับผี หรือวิญาณเทพทุกระดับ ทุกชนิดได้ และพระเจ้าได้อนุญาตให้วิญญาณผีปกครองอยู่ทุกแห่งในโลกนี้ในยุคปัจจุบัน นิสัยและธรรมชาิิติของมันคือทำการหลอกลวง ลัก ฆ่า และทำลายมนุษย์ ตามระยะเวลากำหนดของมัน หลังจากนั้นมันจะถูกจับกุมและนำไปทรมานในบึงไฟนรกพร้อมกับคนที่มันหลอกลวงให้ตายในความบาปได้ทั้งในอดีต ปัจจุบันและ อนาคต

4. มนุษย์ในโลกนี้พยายามแสวงหาความสุข ความปลอดภัย ด้วยการแก่งแย่งชิงดี การศึกษา
การทำมาหากิน การครอบครองสิ่งของต่างๆ การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และ ความโลภ ทำให้มนุษย์ใช้วิธีผิดๆ ละเมิดกฎหมาย ศีลธรรม และคุณธรรม ทำการเบียดเบียนกันและกัน มนุษย์ถูกหลอกว่าการลงโทษฝ่ายวิญญาณ หรือการตกนรกไม่มีความจริง และไม่ต้องกลัว

พวกคริสเตียนพยายามออกไปสั่งสอนคนทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ให้กลับใจเลิกบาป หันมานมัสการพระเจ้าแท้ที่มีชีวิตอยู่ คริสเตียนประกาศด้วยวิธีการต่างๆ บางประเทศประกาศด้วยวิธีการผิดๆ ทำการเผยแพร์เรื่องพระเจ้าด้วยบีบบังคับ โดยการเข้าไปยึดครองประเทศอื่นเพื่อสอนศาสนาคริสต์ แต่ในปัจจุบันวิธีการนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเนื่องจากความเจริญ และความเข้าใจในพระคัมภีร์ของคริสเตียนดีขึ้น

5. มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและเสื่อมจากศักดิ์ศรีที่พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างโลก
มนุษย์พยายามสร้างศาสนา และพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แท้ที่จริงมนุษย์ต้องการพระเจ้า พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ได้เขียนไว้ว่า มนุษย์ไม่สามารถไปหาพระเจ้าได้ด้วยวิธีการ หรือเข้าใจพระเจ้าได้ด้วยความคิดอันจำกัดของมนุษย์ ในเรื่องนี้เปรียบเหมือนกับ เราจะพยายามอธิบายให้เด็กอายุ 2 ขวบเข้าใจถึงคุณค่าของเงิน 1000 ล้านบาท และให้เขาไปจัดการกับเงินจำนวนนี้ เพราะมันเกินความคิด เกินระดับสติปัญญาและเกินความรับรู้ของเด็ก

6. มนุษย์ถึงที่อับจน หรือใกล้ความตายจะแสวงหาความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ

ถ้าท่านลองสังเกตพฤติกรรมของคนในสังคมจะพบว่า คนส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่อง การเรียน ทำงาน ตำแหน่ง เกียรติ ฐานะที่เท่าเทียมคนอื่น หรือดีกว่าคนอื่น แสวงหาเงิน สมบัติ ซื้อของ มีความเชื่อว่า การครอบครองสมบัติมากๆ คือความมั่นคงของชีวิต ยิ่งได้ของใหม่ ของทันสมัยยิ่งมีสุขใจ แต่สิ่งเหล่านี้มันเป็นเพียงสิ่งที่ให้ความพอใจชั่วคราวเท่านั้น ลองคิดดูิซิ สามปีก่อนมีไอโฟน 1 ตอนนี้สร้างถึงรุ่นที่ 4 แล้ว แล้วคนที่ใช้รุ่นเก่า เขาอาจมีความพอใจ ภูมิใจเหมือนกับตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หรือเปล่า คนเราชอบสร้างอนาคต ชอบการมีความสุขทางเพศ มีความสุขใจกับงานอดิเรก ดีใจกับการเที่ยวสนุก

หลายคนเมื่อมีวัตถุ และสมบัติเพียงพอกับความสามารถของตัว บางไม่สนใจเรื่องพระเจ้าเลย หรือหากสนใจก็เป็นเพียงเพื่อเสริมบารมีของตน หรือเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจเท่านั้น แต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในศีลธรรม หรือมีการปฎิบัติตัว ทำตามมโนธรรมที่ดีในจิตใจ หากชีวิตของเขาไม่ถึงที่อับจน ถูกโกง ตกงาน โชคร้าย ได้รับอุบัติเหตุ เจ็บป่วยเรื้อรัง แพทย์รักษาไม่หาย ถูกคนรักทรยศ สามีภรรยานอกใจ ลูกเสียคนทำให้ช้ำใจ แก่ตัว ถูกโชคร้าย ถูกวิญญาณร้ายรบกวน เห็นผีหรือเกินความหวาดกลัว หรือใกล้จะเข้าสู่ความตาย มนุษย์จะไม่สนใจเรื่องพระเจ้า

คนที่ประสบกับเหตุการณ์วิบัติ เคราะ์ห์กรรม อุบัติเหตุ หรือเหตุร้ายเหล่านี้ พวกเขาจะแสวงความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิต่างๆ เช่นการไปดูหมอ ไปหาคนทรง ไปดูไผ่ โยเร ไปหาหมอดู ปรึกษาผีทำนาย ผีญ่านาง ไปผูกดวง ไปทำการสะเดาะห์เคราะห์กรรม ไปนอนโลงศพ ทำพิธีเรียกขวัญ ต่ออายุ เพื่อให้พ้นจากภัยพิบัติต่างๆ แต่น่าเสียดาย คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักพระเยซูจึงไปหาผิดที่ ไปเสียเงินฟรีๆ เสียเวลา เสียสุขภาพจิต บางคนกลับถูกไสยศาสตร์ที่ไปหา ครอบงำซ้ำเติมอีก พยายามแสวงหาความช่วยเหลือแต่ไม่ได้อะไรเพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียง วิญญาณชั่วร้ายที่ปลอมตัวมาในรูปแบบต่างๆ เบื้องหลังวิญญาณเหล่านี้คือการบูชารูปเคารพ บูชาผี ไสยศาสตร์ การประยุกต์ใช้อำนาจของซาตานในรูปแบบต่างๆ ต้องมีการเสียเครื่องบูชา เสียเงินให้แก่ผู้ที่หากินกับสิ่งเหล่านี้

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่พระเจ้า บางครั้งการไปพึ่งพิงสิ่งเหล่านี้ แทนที่จะบรรเทากลับกลายเป็นการถูกซ้ำเิติมให้ทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้น
ถูกต้ม ถูกตุ้น ถูกซ้ำเิติมจากคนที่หวังไปพึงพิง ถูกวิญญาณชั่วที่นักไสยเวทย์พึงพิงแอบเข้ามาสิงในร่างกาย ทำให้เจ็บป่วย แพทย์รักษาไม่หาย เกิดมีโรคแทรกซ้อนหลายๆ โรค อย่างน่าสมเพช

นี่คือความจริงที่หลายคนประสพ คนหลายคนเข็ดหลาบกับการที่รับเอาความเชื่อใดๆ อีก กลายเป็นคนที่ไม่เชื่อถืออะไร คิดไปว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่แท้จริง คนเหล่านี้จึงทำตัวให้สุขใจ กินๆ เที่ยวๆ และมีความสุขทางเพศ ทางปาก ทางหู ทางตาไปวันๆ หลอกตัวเองอย่างไม่รู้ตัวไปเรื่อยๆ มีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้จุดหมายที่แท้จริง หลงคิดไปว่าชีวิตมันมีแค่นี้ "ตายไปก็พ้นทุกข์" บางคนเบื่อชีวิต จนคิดฆ่าตัวตายให้มันพ้นจากชีวิตที่ อ้างว้าง และเดียวดาย แม้จะอยู่อาศัยในเมืองมีคนมากมาย เดินไปทางไหนถึงมีผู้คนมากมายแต่ไม่มีใครพูดกับใคร หากนั่งรถเมล์คนนั่งติดกันก็ไม่มีใครพูดกับใคร หวาดระแวง กลัว ไม่รู้ว่าจะหาใครที่จริงใจ พูดคุยด้วย หรือทำตัวเป็นเพื่อนแท้ ได้ที่ไหน ไม่มีเลย ในเมืองใหญ่ถึงมีคนมากกลับเดียวดายเหมือนเดินในป่าทึบเพียงคนเดียว

ผมในฐานะผู้ที่ได้สัมพันธ์กับพระเจ้า มาเกือบ ห้าสิบปี แต่เพิ่งมาพบกับพระเยซูจริงๆ เพียงไม่เกิน 7 ปีเท่านั้น ผมจึงขอบอกใครๆ ที่ต้องการเจอของจริง พระเจ้าจริงที่แน่จริง ดีจริง ลองอธิษฐาน กล่าวพระนามของพระองค์ซิ บอกว่า "ถ้าพระเยซูช่วยได้จริง ขอให้ลูกได้พบกับสัจจะที่แท้จริงด้วยเถิด" ลองภาวนาด้วยความจริงใจ ก่อนนอนทุกวัน ไม่เกิน 1 เดือน ท่านจะได้พบแน่ๆ เชื่อเถอะ

>><< เราจะเป็นคนที่มีชัยเหนือความบาป ความชั่วและมีความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร

คำถามนี้เป็นคำถามที่คนมักจะถามอยู่เสมอ ในบทความนี้มีคำตอบสำหรับคนที่ต้องการแสวงหาความจริง

ตามความเป็นจริง พระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาลว่า ในตอนแรกนั้นพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ให้มีจิตวิญญาณ ความคิด และจิตใจที่สอาด ผ่องแผ้ว อยู่ในสวนสวรรค์ที่มีพร้อมทุกอย่าง มนุษย์ที่ยังไม่ได้ทำบาปมีใจกล้าที่จะพูดคุยกับพระผู้สร้างอย่างปกติทุกๆ วัน แต่ต่อมามนุษย์คู่แรกได้หลงผิด หลงเชื่อคำหลอกลวงของวิญญาณร้าย ที่เราเรียกมันว่า ซาตาน ที่ได้มาล่อลวงชักชวนให้หลง ทำผิดข้อห้ามที่พระเจ้าได้ห้ามไว้ เพราะหลงเชื่อคำล่อลวงของมาร ที่ว่าพระเจ้ากลัวว่ามนุษย์จะเป็นเหมือนพระเจ้าจึงห้ามไม่ให้กินผลไม้ทิพย์ ด้วยความอยากรู้ อยากเห็น และหวังจะได้ก่อให้เกิดปัญญา มนุษย์จึงหลงทำบาป

การฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ทำให้มนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า ขาดจากพระศิริ และไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยสามารถปฏิบัติตามกฎศีลธรรม ตามบทบัญญัติแห่งศาสนาที่ตนนับถือ และมโนธรรมที่ดีที่พระเจ้าได้ใส่ไว้ในจิตใจตั้งแต่เริ่มแรกได้ เนื่องจากความผิดบาป นิสัยบาป ยีนส์บาป ดังนั้นคำแช่งสาปแห่งบรรพบุรุธ โรคตามสายเลือด การถูกครอบงำด้วยวิญญาณชั่วต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงติดตามมนุษย์มาจนถึงคนทุกชาติพันธุ์ วิธีการที่จะทำให้มนุษย์ได้คืนดีกับพระเจ้าก็คือ การไถ่บาปด้วยการเสียเลือดเนื้อของผู้่บริสุทธฺ์ที่สุด นี่คือเหตุผลสำคัญที่พระเยซูคริสต์ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ คือเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้นจากโทษบาปแห่งการละเมิดบทบัญญัติแห่งศาสนาและศีลธรรมด้วยความเชื่อในพระนามของพระองค์ พระเยซูสามารถดำเนินชีวิตอย่างขาวสอาด และมีชัยชนะเหนือความต้องการของเนื้อหนัง ตามธรรมดาของมนุษย์ได้

พระเยซูมีอะไรที่พิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไปหรือ

พระเยซูประกาศตนว่ามาจากพระเจ้าและเป็นพระเจ้า: การเป็นพระเจ้าของพระเยซูมิได้เกิดจากการที่คนอื่น หรือผู้ติดตามคำสอนแต่งตั้งให้พระองค์เป็น หรือมีคนยกเอาคุณงามความดีหรือคำสอนที่มนุษย์ค้นพบ หรือบัญญัติขึ้นและถูกยกเป็นพระเจ้า แต่ พระเยซูบอกว่า เราคือพระผู้ช่วยให้รอดของชาวโลก พระองค์พูดและสอนในสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้ให้พระองค์สอน ให้พระองค์พูด
พระองค์คือพระเจ้าที่ลงมาเกิดรับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อไถ่มนุษย์ออกจากการรับโทษจากการทำบาป

พระเยซูบอกว่า "เราเป็นทางนั้น" ที่จะนำไปสู่สันติสุขอันนิรันดร์ พระเยซูไม่ได้บอกว่า เราเป็นผู้ชี้ทาง
แต่พระองค์เป็นเส้นทาง ที่นำเราไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา คือความสุขที่แท้จริงอันนิรันดร์ ไม่ใช่แค่เป็นความสุขชั่วคราว, ความสำเร็จ, สุขภาพ, ร่างกายที่สมบูรณ์ แต่ว่า คือความสันติสุขอันมั่นคงถาวร

พระเยซูบอกว่า "เราเป็นความจริง" และ "เราเป็นชีวิต" ไม่มีใครไปหาพระเจ้าได้ยกเว้นมาทางเรา

การมีชัยเหนือความอยากอาหาร: พระเยซูอดน้ำและอาหารเป็นเวลา 40 วันในทะเลทราย ก่อนที่พระองค์จะออกไปทำความดี รักษาผู้คน และบอกเกี่ยวกับการมาแห่งการปกครองของพระเจ้า ซึ่งชาวคริสต์เรียกสิ่งนี้ว่า แผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่มีอยู่จริง

การกำเนิดอย่างอัศจรรย์: พระเยซูไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ชายและหญิงตามธรรมชาติ แต่เกิดจากหญิงพรหมจารี ด้วยฤทธิอำนาจของพระวิญญาณของพระเจ้า พระเยซูมีเชื้อสายเป็นกษัตริย์แต่ยอมลดฐานะมาเกิดในที่อันต้อยต่ำคือรางหญ้าในคอกสัตว์ เทศกาลคริสต์มาสที่คนทุกชาติฉลองกันทั่วโลกก็เพราะพระองค์ยังเป็นอยู่นั่นเองคนทั่งโลกจึงมีการฉลองวันเกิดให้กับพระเยซู

ชัยชนะเหนือผีและวิญญาณ: ตลอดเวลา 3 ปีที่พระเยซูออกไปประกาศเรื่องการมาของแผ่นดินของพระเจ้า หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า การปกครองของพระเจ้าด้านความคิด ความเชื่อและจิตวิญญาณ พระเยซูได้ขับผีออกจากคนต่างๆ มากมาย คนหายจากการเป็นโรคหลายอย่างด้วยการขับผีให้ออกไป

ชัยชนะเหนือความป่วยไข้: พระเยซูทำการอัศจรรย์ได้ด้วยฤทธิเดชของพระเจ้า ที่เรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิที่ประทับอยู่ในตัวของพระเยซู พระองค์ไปที่ใดก็รักษาโรคภัยไข้เจ็บของประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากจากโรค ภัยต่างๆ รักษาคนเจ็บป่วยให้หายจากโรคที่แพทย์ไม่สามารถรักษาไม่หาย ทั้งโรคที่เกิดกับร่างกาย และโรคที่เกี่ยวกับจิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ และพระเยซูยังสามารถเรียกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้

ชัยชนะเหนือความตาย: นอกจากพระเยซูจะเรียกคนตายให้ฟื้นได้แล้ว ศัตรูทางความคิด ความเชื่อของพระองค์ที่เรียกว่า พวกอาจารย์ทางศาสนา (ธรรมาจารย์) ได้ใส่ความและปั้นพยานเท็จปรักปรำ พวกเขาลงโทษด้วยการเฆียนตี ทรมาน ทำทารุณกรรมต่างๆ จนพระองค์บอบช้ำอย่างสาหัส แล้วยังส่งตัวพระองค์ให้ผู้ปกครองประเทศอิสราเอลในขณะนั้น คือตัวแทนของจักรวรรดิ์โรมัน ให้ตัดสินประหารชีวิตพระองค์ด้วยการเอาไปแขวนไว้บนไม้กางเขน โดยการตอกตะปูที่ข้อมือทั้งสองข้าง ที่หลังเท้าทั้งสองข้าง และเอาหนามแหลมสานเป็นมงกุญสวมไว้ที่ศรีษะของพระองค์ และเขียนป้ายประจานด้วยคำว่า พระเยซูกษัตริย์ของพวกยิว เขายอมปล่อยตัวนักโทษที่เลวร้ายเพื่อให้พระเยซูถูกฆ่าตาย เมื่อพระเยซูคริสต์สิ้นชีวิตแล้ว พวกสาวกของพระองค์ได้ขอนำพระศพไปฝังไว้ในอุโมงค์หินแห่งหนึ่งในวันศุกร์

พวกศัตรูของพระเยซูเกรงว่าจะมีคนมาลักพระศพของพระองค์จึงจัดการให้ทหารมี 1 หมู่ไปเฝ้าปากทางเข้าอุโมงค์ไว้ตลอดเวลา พระเยซูสิ้นชีวิตในตอนเย็นวันศูกร์แล้วถูกนำไปฝังไว้แต่ในวันที่ 3 คือเช้าวันอาทิตย์ (ชาวคริสต์เรียกว่า วันอิสเตอร์) เกิดแผ่นดินไหวสั่นสท้าน ก้อนหินก้อนใหญ่ที่ปิดปากอุโมงค์ฝังพระศพของพระเยซูได้กลิ้งออกอย่างอัศจรรย์ เมื่อสาวกของพระเยซูเข้าไปดูในอุโมงค์ก็ไม่พบพระเยซู พวกเขาตื่นตกใจระคนดีใจที่ได้เห็นทูตของพระเจ้าบอกเขาว่าพระเยซูเป็นขึ้นแล้ว

ต่อมาพระเยซูได้ปรากฎตัวในที่ต่างๆ ต่อสาวกของพระองค์หลายๆ คน สาวกบางคนคิดว่าพระเยซูเป็นผี แต่พระเยซูก็ให้พวกเขาจับดูเนื้อหนังของพระองค์ และมีครั้งหนึ่งพระเยซูได้กินปลาปิ้งกับสาวกของพระองค์ด้วย พระเยซูได้สั่งสอนถึงเรื่องราวของพระเจ้าเพิ่มเติมหลังจากเป็นขึ้นจากความตาย
หลังจากนั้นพระองค์ได้พาสาวกไปยังเนินเขาแห่งหนึ่ง พระเยซูสั่งถ้อยคำมีใจความสำัคัญว่า ให้สาวกออกไปประกาศเรื่องการยกโทษความบาปของมนุษย์ให้แก่คนทุกชาติ ทุกภาษา ทั่วโลก เพื่อให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้าได้ประกาศการยกโทษบาปของมนุษย์แล้ว

โดยการเชื่อถือข่าวที่พวกคริสเตียนนำไปเล่าให้ืทุกคนฟัง คือเรื่องที่พระเยซูได้ตายที่ไม้กางเขนนั้นเป็นความสำเร็จในแผนการไถ่บาป เป็นการยกโทษบาปของมนุษย์ทุกคน เพราะความบาปเกิดจากคนๆ เดียว และโดยการตายของบุตรของพระเจ้าเพียงผู้เดียวก็สามารถยกบาปโทษของคนทั้งโลกได้เช่นเดียวกัน

เนื่องจากการประกาศเรื่องการยกบาปนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนทั่วไป คนทั่วไปจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หรือสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร พระเยซูจึงให้สาวกของพระองค์ทำการอัศจรรย์ต่างๆ คล้ายๆ กับที่พระเยซูเคยทำด้วยการอธิษฐานวางมือบนคนเจ็บ คนป่วย คนเหล่านั้นจะหายโรค เมื่อมีคนถูกวิญญาณร้ายรบกวน หรือถูกของ ถูกผีเข้า พวกคริสเตียนจะสามารถขับผี ปัดรังครวญได้ โดยไม่ต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย หรือเรียกร้องเอาผลประโยชน์ใดๆ เพียงแต่คนที่ได้รับการรักษาจะต้องกลับตัวเป็นคนดี เลิกนิสัยบาป เลิกกราบไหว้ รูปเคารพต่างๆ ที่มือมนุษย์ได้สร้างขึ้น หรือสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ภูเขา ยอดดอย ต้นไม้ใหญ่ แม่น้ำ ท้องฟ้า และดวงดาว หรือวิญญาณต่างๆ เช่น ภูติผี เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ผีญ่านาง ผีบอป เทพฯใดๆ หรือผีใดๆ ก็ตามที่สิงสถิตในที่ต่างๆ

พระเยซูจะคุ้มครองและดลบันดาลให้คนใดๆ ที่เชื่อในพระองค์มีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีความสุข เมื่อเรามีชีวิตอยู่ครบตามวาระแล้ว เมื่อตายไปพระเยซูจะให้เทวดา (ทูตสวรรค์) ของพระองค์มารับเอาวิญญาณที่ตายไปขณะมีเชื่อถือในพระองค์ไปอยู่กับพระองค์ในเมืองสวรรค์

คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้จะตกอยู่ในสภาพถูกเอาเปรียบ ถูกให้เสียทรัพย์ด้่วยการก่อสร้างถาวรวัตถุ หรือ หรือแสวงหาทางออกด้วยการทำบุญ ทำทาน หรือซื้อบุญ หรือไปสวรรค์ด้วยวิธีง่ายๆ คือให้คนอื่นซื้อบุญเผื่อให้ หรือ ทำทานไปให้เช่น เผารถจำลอง เผาบ้านจำลอง เผาตึกจำลอง หรือของจริงๆ หรือสิ่งใดๆ ไปให้ผู้ตายเพื่อจะได้ใช้ในชีวิตหลังความตาย

พวกที่เชื่อในพระเยซูอย่างแท้จริงเมื่อใกล้ตายพวกเขาจะไม่ทุรนทุราย และพวกเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการไปพบพระเจ้า หรือรู้วิธีเดินทาง หรือาศัยพาหนะ เช่น สุพรรณหงษ์ทองคำ เรือบุศบกส์ ปราสาทกี่ชันๆ หรือกงเต็ก หรืออะไรๆ ที่มนุษย์จินตนาการไปต่างๆ นาๆ ตามความเชื่อของคนแต่ละชาติ แต่ละศาสนา แต่ละเผาพันธุ์ในการไปสวรรค์ เพราะทูตของพระเยซูจะพาพวกเขาไปสวรรค์เอง

คนที่เชื่อในพระเยซูสามารถไปสู่สวรรค์ได้ เปรียบเหมือนกับคนที่จะเดินทางไปในต่างประเทศที่เจริญแล้ว คนที่จะเข้าไปในประเทศอื่นจะต้องขอรับวีซ่า เพื่อรับอนุญาตจากรัฐบาลประเทศนั้นๆ อนุญาตให้เข้าประเทศอย่างถูกต้องได้ คนที่เชื่อพระเยซูก็เช่นเดียวกันพวกจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ในสวรรค์พร้อมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ ที่ได้เชื่อถือในพระนามของพระเยซูเพราะกลับตัวกลับใจจากความบาป ประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ไม่โกงไม่กิน เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นสามี ภรรยาที่ดี ไม่เล่นชู้ ไม่ส่ำส่อนทางเพศ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก เป็นคนงานที่ดี เป็นเพื่อนบ้านที่ดี พวกเขาสามารถเป็นคนดีได้เพราะพระเจ้าช่วยเปลี่ยนจิตใจเขาให้เป็นคนดีอย่างอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามตามหลักของพระเจ้าแล้วมนุษย์ไม่ได้เข้าสู่สวรรค์ด้วยกระพยายามประพฤติดี แต่พวกเขาได้เข้าสู่สันติสุขนิรันดร์ด้วยการเชื่อในพระเยซูอย่างแท้จริง เชื่อด้วยใจ ปฎิบัติด้วยคำพูดและการกระทำเท่านั้น ไม่ใช่ด้วยคุณงามความดี หรือทรัพยของตน

พระเยซูคือพระเจ้าที่จะเดินทางจากสวรรค์มาตัดสินความผิดบาปของมนุษย์ทุกคน:

พระึคริสต์ธรรมคัมภีร์บอกว่า มีกำหนดสำหรับมนุษย์ทุกคนว่า จะมีการตายหนเดียว และหลังจากนั้นเขาจะต้องเข้าสู่การพิพากษา

หลังจากที่พระเยซูได้ฟื้นคืนชีพจากหลุมฝังศพ พระองค์ได้ปรากฎตัวแก่ สาวก และประชาชนผู้ติดตามพระองค์ เป็นเวลา 40 วัน ก่อนที่พระเยซูจะจากไปพระองค์ได้ปรากฎตัวต่อคนจำนวนถึง 500 ร้อยคนบนเนินเขาแห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล พระเยซูได้สั่งพวกสาวกของพระองค์ว่า

(จากพระธรรมมัทธิว บทที่ 28 ข้อ 18-20)

"พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับ เขาว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”

มีพระเจ้าองค์ใดบ้างที่สัญญาว่าจะอยู่กับคนที่เชื่อถือในพระองค์ตลอดไปจนกว่าจะสิ้นยุค (ถึงวาระสุดท้ายของโลก) เพราะศาสนาในโลกนี้ล้วนแต่เหลือไว้เพียงคำสอนกับสาวก เหลือธาตุธุลี เครื่องแต่งกาย ปูชนียสถาน หรือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์และคำสอนเท่านั้น แต่พระเยซูคริสต์ยังเป็นอยู่ ยังช่วยได้ พระเยซูรักเราทุกคน ถ้าเราเชื่อในพระองค์ พระองค์ถือว่าเราเป็นลูกของพระองค์ มีพระเจ้าองค์ใดเรียกผู้เชื่อว่าเป็นลูกบ้าง พระเจ้ารักเราเหมือนลูก หลายคนอาจมีพ่อแม่ที่ไม่ค่อยดี แต่พระเยซูเป็นพ่อที่ดีของเราทุกคนแม้ว่าเรายังไม่รู้จักพระองค์ หรือทำตัวไม่ดี ไม่น่ารัก เป็นคนเลว หรือเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ

พระเยซูเป็นพระเจ้าที่ได้ตายไปแล้วแต่กลับเป็นขึ้นมาใหม่และยังเป็นอยู่
พระเยซูยังคงทำการอัศจรรย์ผ่านผู้ติดตามพระองค์ ด้วยการรักษาโรคอย่างอัศจรรย์ พระองค์สั่งให้คริสเตียนขับผี วางมือบนคนป่วย การรักษาโรคยังเกิดขึ้นทุกวัน

หากท่านสนใจลองค้นหาดูในอินเตอร์เนท หรือดูรายการทีวีดาวเทียมผ่านรายการทีวีต่างๆ อาทิ GodTV หรือ TBN ฯลฯ ท่านก็จะพบความจริงว่า คริสเตียนที่แท้จริงไม่ใช่ศาสนาคริสต์ แต่เป็นการที่เราได้รู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ที่เราไม่ต้องพก ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องเช่า ไม่ต้องพาไปกับเรา ไม่ต้องร่ายคาถาปลุกเสก พระองค์นี้ไม่บุกสลายเพราะมองไม่เห็น ไม่ต้องเสียเงินซื้อพระ หรือเครื่องรางใดๆ หรือต้องซื้อเครื่องบูชาใดๆ ถวาย เพื่อทำให้พระเยซูพอใจ เพื่อพระองค์จะได้อวยพรท่าน ท่านไม่ต้องทำพิธีกรรมต่างๆ เพื่อจะได้พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า เพราะสารพัดทุกสิ่งล้วนเป็นมาจากพระเจ้า และเป็นของพระเจ้า

พระเยซูประกาศว่า มนุษย์ไม่สามารถทำความดีให้ครบถ้วนเพื่อจะได้ไปสวรรค์
พระเยซูประกาศว่า พระองค์มาจากพระเจ้า มาเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาป ความทุกข์ และโรคภัย

พระเยซูประกาศว่า มนุษย์ไม่สามารถแสวงหาพระเจ้าควบคู่ไปกับการลุ่มหลงทรัพย์สมบัติแห่งโลก
พระเยซูประกาศว่า มนุษย์จะรอดได้โดยการกลับใจใหม่ เลิกสิ่งเก่า รับเอาพระองค์เป็นพระเจ้าเท่านั้น

สาวกพระเยซู ประกาศว่า เราไม่สามารถซื้อความรอดบาป หรือทำบุญมากๆ หรือทำความดีใดๆ
เพื่อจะได้ไปสวรรค์แต่เราจะได้รับการยกบาปด้วยความเชื่อในพระนามของพระเยซูเท่านั้น


คนทำบาป ทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษฉันใด คนที่ไม่กลับใจจากการทำชั่วและไม่ได้ขอการยกโทษจากพระเจ้าขณะมีชีวิตอยู่ เมื่อเขาตายไป วิญญาณของเขาจะต้องถูกพิพากษาลงโทษให้ไปตกอยู่ในสภาพอันน่ากลัวคือบึงไฟที่เผาไหม้จิตวิญญาณ เป็นเปลวไฟที่ไม่มีวันดับสูญ

วิธีการที่ท่านจะได้รับพระเยซูเป็นพระเจ้า

1. ท่านรู้สึกตัวถึงพฤติกรรมบาป หรือการทำบาปของท่าน และยอมรับว่าในจิตใจลึกๆ ของท่านว่าท่านได้เคยทำบาปมากมาย ท่านตกอยู่ในอำนาจของความบาป มีบางอย่างคอยชักจูงในท่านทำบาปอยู่เรื่อยๆ พฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมทางศาสนา หรือมโนธรรม ท่านไม่อยากทำแต่ท่านยังฝืนทำอยู่เหมือนติด หรือถูกบังคับให้ทำ

2. ท่านต้องถ่อมใจ ถ่อมตัวลง แสดงออกด้วยการคุกเข่าลงและยอมพูดสารภาพความบาปต่อพระเยซูคริสต์ และขอการอภัยบาป

3. ออกปากพูดว่า พระเยซูคริสต์คือพระเยซูคริสต์คือองค์พระเจ้าที่เที่ยงแท้และมีชีวิตอยู่ ลูกขอยอมรับพระองค์

4. ออกปากเชิญพระวิญญาณของพระเจ้าที่ทำให้พระเยซูคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย เข้ามาอยู่ในชีวิต ในร่างกาย ในวิญญาณ เป็นพระผู้ช่วยเหลือในทุกๆ ด้านของชีวิต

5. ละเว้นความชั่วทั้งปวง และเริ่มศึกษาชีวิตและคำสอนของพระเยซูจากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์

6. หากท่านมีโอกาสก็ให้เลือกโบสถ์ที่จะไป เพราะในปัจจุบันมีโบสถ์คริสต์จำนวนมากกลายเป็นเพียงศาสนสถาน ตั้งขึ้นเพื่อหลอกเอาเงิน หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่างจากคนไม่รู้ หรือชักจูงให้คนเข้าไปอยู่ในศาสนาคริสต์ เพื่อนักบวชชาวคริสต์จะได้เอาชื่อของท่าน หรือถ่ายรูปของท่านไปเบิกเงินจากองค์กรต่างชาติที่สนับสนุนเขาเพื่อความสุขสบายส่วนตัว แต่พวกนักสอนศาสนาคริสต์จำนวนไม่น้อย หรือคริสเตียนที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีชื่อในบัตรประชาชนว่า นับถือศาสนาคริสต์ แต่มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากคนบาปทั่วๆ ไป

องค์กรที่เรียกว่าโบสถ์หลายๆ แห่งชักจูงให้ทำพิธีกรรมต่างๆ แปลกๆ บางครั้งเหมือนกับการบูชารูปเคารพทั่วไป หรือการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิที่อยู่ตามบ้านเรือนทั่วไปที่ช่วยอะไรไม่ได้ การเข้าไปอยู่เป็นเพียงเพื่อให้เข้าอยู่ในคณะนั้น คณะนี้ แบ่งพรรค แบ่งพวก ถือตัวว่าดีกว่าผู้ื่อื่น สอนให้เกลียดคริสเตียนอื่น ไม่ให้เข้าไปร่วมกับการชุมนุมขององค์กรคริสเตียนโบสถ์อย่างนี้ท่านอย่าเข้าไป เสียเวลา เสียเงินเปล่าๆ

ขอพระเจ้าเปิดใจท่านให้เข้าใจข้อความแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตเหล่านี้ เทอญ

คำอธิษฐานขอต้อนรับพระเยซู (คำพูดที่พูดด้วยความจริงใจและมีสัจจะต่อพระเจ้า)

เพราะพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่ ไม่ได้สถิตย์อยู่ในวัตถุ สิ่งของ ภูเขา แม่น้ำ เนินสูง ต้นไม้ หรือสิ่งก่อสร้างทางศาสนา ศาลเจ้า หรือเป็นเหมือนผี หรือเทพต่างๆ ที่สถิตอยู่ในเทวสถานที่มือมนุษย์ได้สร้างไว้ พระองค์สถิตทั่วไปหมด พระองค์จะได้ยินคำอธิษฐานอย่างจริงใจของคนบาปที่ต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ

ท่านสามารถอธิษฐานอย่างง่ายๆ ตามแบบนี้

พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระเจ้าผู้เป็นอยู่ ข้าพระองค์ขอเรียกพระองค์ว่า พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ข้าพเจ้าเป็นคนบาป ตกอยู่ในนิสัยบาป เคยทำบาป ไม่สามารถช่วยตัวเองให้พ้นจากโทษแห่งการทำบาปได้ วันนี้รู้ตัวว่าเป็นคนบาป ต้องการการยกโทษบาป ขออาศัยพระบารมีของพระเยซูที่ได้ตายเพื่อคนบาปบนไม้กางเขน ขอฤทธิเดชจากเลือดอันศักดิ์สิทธิของพระองค์ชำระล้างความบาปของข้าฯทั้งสิ้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าฯ ขอเป็นลูกของพระเจ้าและกลับใจ เลิกจากการบาปทั้งปวง หันกลับมาหาพระเจ้าเที่ยงแท้ ขอพระเจ้าเมตตาประทานชีวิตใหม่ และวิถีชีวิตแห่งความสันติสุขของพระเจ้า

ขอเชิญพระเยซูคริสต์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ โปรดเข้ามาสถิตอยู่ในชีวิต ในความคิด
ในจิตใจ ในจิตวิญญาณของข้าฯ โปรดสอน เตือน นำ และดลบันดาลให้ชีวิตของข้าฯ ปลอดภัยจากอำนาจของซาตานและความบาป ให้ข้าฯ ปลอดภัยอยู่ในพระองค์จนถึงชีวิตนิรันดร์ ข้าฯ ขอกล่าวคำอธิษฐานนี้ด้วยความสัจจริง ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอพระเจ้าอวยพระพร